ต้อเนื้อ
ต้อเนื้อ (อังกฤษ: Pterygium) เป็นอาการที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของเยื่อบุตาขาว โดยเกิดจากการโดนลม ฝุ่น หรือแสงแดดบ่อยครั้ง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแผ่นเนื้อสีชมพูอมแดงทรงสามเหลี่ยม โดยส่วนใหญ่เกิดที่หัวตา ก่อนที่จะค่อยๆลามไปยังส่วนกลางของตาดำ เมื่อลุกลามไปถึงรูม่านตาก็จะทำให้การมองเห็นแย่ลง และจะมีอาการมากกว่าต้อลม ซึ่งควรหลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์[1]
- แสงแดด
- อากาศที่แห้ง
- ฝุ่น และลม
- ตาแดง มีอาการเคืองตา ตาแห้ง ตาอักเสบ
- มีน้ำตาไหลออกมาก
- รู้สึกมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในตา
- กรณีที่ต้อเนื้อลามไปบริเวณกลางตาดำ จะส่งผลให้การมองเห็นแย่ลง
- หลีกเลี่ยงแสงแดด โดยการสวมแว่นกันแดด และสวมหมวก
- เลี่ยงการโดนลม ฝุ่น และอากาศแห้ง
- ใช้ยาหยอดตาเมื่อเกิดอาการระคายเคือง
- ผ่าตัดโดยการลอกต้อเนื้อ ด้วยการฉีดยาชาและหยอดยาชา
- กรณีที่พบจักษุแพทย์ อาจพิจารณาลอกต้อเนื้อ ดังนี้:
- กรณีที่มีการระคายเคืองมาก มีอาการเรื้อรัง
- ต้อเนื้อเข้าตามาก ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็น
- เพื่อความสวยงาม
- หลังจากลอกต้อเนื้อ จะให้ผู้ป่วยปิดตาแน่นและสามารถกลับบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล วันต่อมาพบแพทย์ผู้รักษาเพื่อประเมินแผล โดยอาจมีอาการเจ็บแผลคล้ายเข็มทิ่มตาประมาณ 2 วัน
- ใช้ยาหยอดตา และยาป้ายตาตามแพทย์สั่งหลังการลอกต้อเนื้อ 1-2 สัปดาห์
- ผู้ป่วยหลังรับการลอกต้อเนื้อสามารถกลับไปทำงานหลังจากลอกไปแล้ว 2-3 วัน
- ผู้ป่วยจะยังคงมีอาการเคืองแผลที่ลอกประมาณ 3-7 วัน
- ภายหลังจากการลอกต้อเนื้อแล้ว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก 30-40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ซึ่งต้อเนื้อที่กลับมามักมีขนาดใหญ่ และลุกลามเร็วกว่า
หมายเหตุ: กรณีที่สงสัยว่าเป็นโรคตา, โรคต้อหรือไม่ ควรพบกับจักษุแพทย์ก่อนที่จะหาซื้อยาหยอดตามาใช้เอง[1]