ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Pitpisit/กระบะทราย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Pitpisit (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Pitpisit (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัดที่ 1:
{{หัวเรื่อง
|ชื่อเรื่อง=รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวเกาหลีใต้ ค.ศ. 20031988
|ชื่อเรื่องย่อย=대한민국헌법 (大韓民國憲法) (1988)
|วิกิพีเดียชื่อเรื่อง= สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว
|ผู้แต่ง=
บรรทัดที่ 10:
|ก่อนหน้า=
|ถัดไป=
|หมายเหตุ=
|หมายเหตุ=ข้อความในรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวแห่งนี้ เป็นการแปลและปริวรรตอักษรจากต้นฉบับภาษาลาวในเว็บไซท์ของ[http://www.smepdo.org/lao/law_regulations/lao_consititution/laoconstitution.html สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจขนาดย่อยและกลาง (SMEPDO) ประเทศลาว]
}}
 
[[File:Emblem_of_Laos.svg|center|Emblem of Lao PDR|150px]]
 
 
อารัมภบท
{{c|{{fs|110%|สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว}}}}
{{c|{{fs|110%|สันติภาพ เอกราช ประชาธิปไตย เอกภาพ วัฒนาถาวร}}}}
<div align=right>เลขที่ 32 /สปป</div>
 
ผองเราเหล่าประชาชนของสาธารณรัฐเกาหลี รู้สึกภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมและประวัติศาสตร์
{{c|{{fs|160%|รัฐดำรัส}}}}
 
อันยาวนานที่สืบทอดอุดมการณ์ประชาธิปไตยจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๔๖๒ ซึ่งต่อต้านความอยุติธรรม
{{c|{{fs|140%|ของประธานประเทศ}}}}
 
และระบบกฎหมายของรัฐบาลเฉพาะกาลที่จัดตั้งขึ้นในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ นับเป็นวันประกาศอิสรภาพ
{{c|{{fs|140%|สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว}}}}
 
จากการปกครองของญี่ปุ่น โดยมีภารกิจในการปฏิรูปประชาธิปไตยแห่งมาตุภูมิ และมีความมุ่งมั่นที่จะรวมชาติ
 
ให้เป็นหนึ่งเดียว เสริมสร้างความสามัคคีของประชาชนในชาติตามหลักยุติธรรม มนุษยธรรม และหลักภารดรภาพ
{{c|{{fs|110%|เกี่ยวกับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง}}}}
 
และเพื่อทำลายความอยุติธรรมและขนบธรรมเนียมอันเป็นผลเสียต่อสังคมให้สูญสิ้นไป เสริมสร้างระเบียบขั้นพื้นฐาน
{{c|{{fs|110%|สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ฉบับปรับปรุง.}}}}
 
ด้านเสรีประชาธิปไตยบนพื้นฐานของความเป็นอิสระและความปรองดองเพื่อมอบโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
 
ในการแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านของการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
{{rule|8em}}
 
เพื่อสนองตอบต่อภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เอื้อต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนของประเทศ
 
มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ อันจะนำมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองของมวลมนุษยชาติ
* อิงตามรัฐธรรมนูญ แห่ง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, หมวดที่ 5, มาตรา 53, ข้อ 1;
* อิงตามมติตกลงของสภาแห่งชาติ แห่ง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ฉบับเลขที่ 25/สพช, ลงวันที่ 6 พฤษภา 2003 เกี่ยวกับการรับรองเอารัฐธรรมนูญ แห่ง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ฉบับปรับปรุง;
* อิงตามการเสนอ ของคณะประจำสภาแห่งชาติ ฉบับเลขที่ 18/คปจ, ลงวันที่ 9 พฤษภา 2003.<br />
 
และสันติภาพของโลกที่ยั่งยืน และเพื่อให้เสรีภาพ ความสุข ความปลอดภัยของพวกเราและบุตรหลานของพวกเรา
 
ยั่งยืนตลอดไป พวกเราจึงได้บัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้น เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ซึ่งได้ดำเนินการแก้ไข
<center>
''ประธานประเทศ''<br />
''สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวออกรัฐดำรัส:''
</center><br />
 
รัฐธรรมนูญเพิ่มเติมตามลำดับทั้งหมด ๘ ครั้ง โดยผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา และการลงประชามติ
มาตรา 1: ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แห่ง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ฉบับปรับปรุง.
 
ตามบทบัญญัติ ดังต่อไปนี้
มาตรา 2: รัฐดำรัสฉบับนี้ มีผลศักดิ์สิทธิ์นับแต่วันลงลายเซ็นเป็นต้นไป.
 
หมวด ๑
 
บทบัญญัติทั่วไป
<center>เวียงจันทน์, วันที่ 28 พฤษภา 2003<br />
 
มาตรา ๑ (๑) สาธารณรัฐเกาหลีเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประธานประเทศ แห่ง สปป ลาว<br />
 
(๒) อำนาจอธิปไตยของสาธารณรัฐเกาหลีเป็นของประชาชน และอำนาจทั้งหมดมาจาก
(ลายเซ็น พร้อมตราประทับ)
 
ประชาชน
คำไต สีพันดอน</center>
 
มาตรา ๒ (๑) เงื่อนไขในการเป็นพลเมืองของสาธารณรัฐเกาหลีให้เป็นไปตามกฎหมาย
== คำนำ ==
 
(๒) รัฐมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องประชาชนที่อาศัยในต่างประเทศตามที่กฎหมายกำหนดไว้
นับเป็นเวลาหลายพันปีมาแล้ว ที่บรรดาบรรพบุรุษของชาติลาวได้พร้อมกับประชาชนลาวบรรดาเผ่า ดำเนินการต่อสู้เพื่อการดำรงคงตัว และขยายตัวอยู่บนดินแดนอันแสนรักแห่งนี้. เริ่มแต่กลางศตวรรษที่สิบสี่เป็นต้นมา, บรรพบุรุษของพวกเรา โดยเฉพาะเจ้าฟ้างุ่ม ได้พาประชาชนเราก่อตั้ง และสร้างประเทศล้านช้างให้เป็นเอกภาพ และเจริญรุ่งเรือง. ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปดเป็นต้นมา, แผ่นดินลาวได้ถูกบรรดาอิทธิกำลังภายนอกจ้องมอง และรุกรานอยู่เสมอ. ประชาชนเราได้พร้อมกันเสริมขยายมูลเชื้ออันวีระอาจหาญ มิยอมจำนนของบรรพบุรุษ และได้ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง, เหนียวแน่น เพื่อกอบกู้เอกราช, อิสรภาพ.
 
มาตรา ๓ อาณาเขตของสาธารณรัฐเกาหลีประกอบด้วยส่วนที่เป็นคาบสมุทรเกาหลี และเกาะบริเวณ
นับแต่ปี 1930 เป็นต้นมา ภายใต้การนำพาอันถูกต้องของพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนในเมื่อก่อน และพรรคประชาชนปฏิวัติลาวในปัจจุบัน, ประชาชนลาวบรรดาเผ่าได้ดำเนินการต่อสู้อันยุ่งยากลำบาก, วีระอาจหาญที่เต็มไปด้วยความเสียสละ จนสามารถทลายแอกครอบครอง, การกดขี่ของพวกล่าเมืองขึ้น และระบอบศักดินา, ปลดปล่อยประเทศชาติอย่างสมบูรณ์, สร้างตั้งประเทศ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ในวันที่ 2 เดือน ธันวา ปี 1975, อันได้เปิดศักราชใหม่, ศักราชที่ประเทศชาติมีเอกราช และประชาชนได้มีอิสรภาพอย่างแท้จริง.
 
ใกล้เคียง
ภายหลังที่ประเทศชาติได้รับการปลดปล่อยมานี้ ประชาชนเราได้พร้อมกันปฏิบัติสองหน้าที่ยุทธศาสตร์คือ: ปกปักรักษา และสร้างสาประเทศชาติ โดยเฉพาะการดำเนินภารกิจเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อขุดค้น และเสริมขยายกำลังแรงสังรวมของชาติ เข้าในการสร้าง และบูรณะระบอบประชาธิปไตยประชาชน, สร้างปฐมปัจจัยก้าวขึ้นสู่ระบอบสังคมนิยม.
 
มาในระยะใหม่นี้ ชีวิตของสังคมได้เรียกร้องให้รัฐเราต้องมีรัฐธรรมนูญ. รัฐธรรมนูญนี้ เป็นรัฐธรรมนูญของระบอบประชาธิปไตยประชาชนอยู่ประเทศเรา ซึ่งได้รับรู้ผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ประชาชนเราเอามาได้ในภารกิจต่อสู้ปลดปล่อยชาติ, ปกปักรักษา และสร้างสาประเทศชาติ; กำหนดระบอบการเมือง, เศรษฐกิจ-สังคม, การป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ, การต่างประเทศ, กำหนดสิทธิ์ และพันธะพื้นฐานของพลเมือง, ระบบการจัดตั้ง กงจักรรัฐในระยะใหม่. ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา ครั้งที่เป็นครั้งแรก ที่ได้กำหนดสิทธิ์เป็นเจ้าของประชาชนอยู่ในกฎหมายพื้นฐานของชาติ.
 
มาตรา ๔ สาธารณรัฐเกาหลีมุ่งมั่นให้เกิดการรวมประเทศให้เป็นหนึ่งเดียว และสนับสนุนการดำเนิน
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นดอกผลรวมยอดแห่งสติปัญญา และการประกอบความเห็นของประชาชนในทั่วประเทศ ที่ส่องแสงถึงเจตจำนงอันยาวนาน และความตัดสินใจอย่างแรงกล้าของวงคณาญาติแห่งชาติ ที่จะพร้อมกันสู้ชนจนบรรลุเป้าหมาย สร้างประเทศลาวให้เป็นประเทศสันติภาพ, เอกราช, ประชาธิปไตย, เอกภาพ และวัฒนาถาวร
 
นโยบายการรวมประเทศตามหลักสันติภาพแบบประชาธิปไตย
== หมวดที่ 1 ระบบการเมือง ==
 
มาตรา ๕ (๑) สาธารณรัฐเกาหลีมุ่งที่จะรักษาสันติภาพระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการทำสงคราม
=== มาตรา 1. ===
 
ทั้งปวง
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวเป็นประเทศเอกราช, มีอำนาจอธิปไตย และผืนแผ่นดินอันครบถ้วน รวมทั้งเขตน่านน้ำ และน่านฟ้า; เป็นประเทศเอกภาพของทุกชนเผ่า ที่ตัดแยกออกจากกันมิได้.
 
(๒) กองทัพของประเทศมีหน้าที่ปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ในการรักษาความปลอดภัย และ
=== มาตรา 2. ===
 
ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ คงไว้ซึ่งความเป็นกลางทางการเมือง
รัฐแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว เป็นรัฐประชาธิปไตยประชาชน. อำนาจทั้งหมดเป็นของประชาชน, โดยประชาชน และเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนบรรดาเผ่า ซึ่งประกอบด้วยบรรดาชั้นคนอยู่ในสังคม โดยได้แก่ กรรมกร, กสิกร, และนักเรียนรู้ปัญญาชนเป็นหลักแหล่ง.
 
มาตรา ๖ (๑) การลงนามในสนธิสัญญา ข้อตกลง สัตยาบัน รวมถึงกฎหมายและข้อบังคับระหว่างประเทศ
=== มาตรา 3. ===
 
ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ให้มีผลเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปมีผลบังคับใช้เฉกเช่นเดียวกับกฎหมายของประเทศ
สิทธิ์เป็นเจ้าประเทศชาติ ของประชาชนบรรดาเผ่า ได้รับการปฏิบัติ และรับประกันด้วยการเคลื่อนไหว ของระบบการเมือง ซึ่งมีพรรคประชาชนปฏิวัติลาวเป็นแกนนำ.
 
(๒) สถานภาพของคนต่างด้าวได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายระหว่างประเทศ และ
=== มาตรา 4. ===
 
สนธิสัญญากำหนด
ประชาชนเป็นผู้สร้างตั้งองค์การตัวแทนแห่งสิทธิอำนาจ และผลประโยชน์ของตน ซึ่งมีชื่อว่า สภาแห่งชาติ.
 
มาตรา ๗ (๑) เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ดูแลรับใช้ประชาชนทั้งประเทศและต้องรับผิดชอบต่อประชาชน
การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติ ปฏิบัติตามหลักการทั่วไป, เสมอภาพ, โดยตรง และลงคะแนนเสียงปิดลับ.
 
(๒) เจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ในสถานะแห่งความเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งได้รับความคุ้มครอง
ผู้หย่อนบัตรเลือกตั้งมีสิทธิ์เสนอปลดผู้แทนของตนได้ ถ้าหากเห็นว่ามีการประพฤติตนมิสมเกียรติศักดิ์ศรี และขาดความไว้วางใจจากประชาชน.
 
ตามที่กฎหมายกำหนด
=== มาตรา 5. ===
 
มาตรา ๘ (๑) การจัดตั้งพรรคการเมืองสามารถกระทำได้โดยเสรี และระบบหลายพรรคการเมืองได้รับ
สภาแห่งชาติ และทุกองค์การของรัฐได้รับการจัดตั้ง และเคลื่อนไหวตามหลักการรวมศูนย์ประชาธิปไตย.
 
ความคุ้มครอง
=== มาตรา 6. ===
 
(๒) วัตถุประสงค์ หน่วยงานภายในและกิจกรรมของพรรคการเมืองต้องเป็นประชาธิปไตย
รัฐปกป้องสิทธิอิสรภาพ และสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน ที่ไม่มีผู้ใดล่วงละเมิดได้. ทุกองค์การ และพนักงานของรัฐ ต้องโฆษณาอบรมบรรดานโยบาย และระเบียบกฎหมายให้ประชาชน และพร้อมกันจัดตั้งปฏิบัติ เพื่อรับประกันสิทธิ และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชน. ห้ามทุกการกระทำแบบอาชญาสิทธิ์, ข่มขู่ อันจะก่อความเสียหายถึงเกียรติศักดิ์ศรี, ร่างกาย, ชีวิต, จิตใจ และทรัพย์สมบัติของประชาชน.
 
และต้องมีหน่วยงานที่จำเป็น เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดความคิดเห็นทางการเมือง
=== มาตรา 7. ===
 
(๓) พรรคการเมืองย่อมได้รับการคุ้มครองจากรัฐตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และรัฐ
แนวลาวสร้างชาติ, สหพันธ์กรรมบาลลาว, คณะชาวหนุ่มประชาชนปฏิวัติลาว, สหพันธ์แม่หญิงลาว และบรรดาองค์การจัดตั้งสังคม เป็นที่รวบรวมความสามัคคี และปลุกระดมบรรดาชั้นคนของทุกชนเผ่าเข้าร่วมในภารกิจปกปักรักษา และสร้างสาประเทศชาติ, เสริมขยายสิทธิ์เป็นเจ้าของประชาชน, ปกปักรักษาสิทธิ์ และผลประโยชน์อันชอบธรรมของสมาชิกองค์การจัดตั้งของตน.
 
สามารถให้ความช่วยเหลือเงินทุนที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการพรรคการเมืองตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
=== มาตรา 8. ===
 
(๔) หากพรรคการเมืองใดมีวัตถุประสงค์หรือกิจกรรมที่เป็นการละเมิดต่อหลักการ
รัฐปฏิบัตินโยบายสามัคคีและเสมอภาพระหว่างชนเผ่าต่างๆ. ทุกชนเผ่าล้วนแต่มีสิทธิ์ปกปักรักษา, เสริมขยายจารีตประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของตนและของชาติ. ห้ามทุกการกระทำแบ่งแยกและการประพฤติจำแนกระหว่างชนเผ่า.
 
แห่งประชาธิปไตย รัฐมีอำนาจที่จะยื่นคำร้องขอยุบพรรคการเมืองนั้นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคการเมือง
รัฐปฎิบัติทุกมาตราเพื่อขยาย และยกระดับเศรษฐกิจ-สังคมของทุกชนเผ่าให้สูงขึ้น
 
ดังกล่าว จะถูกยุบโดยผ่านการตัดสินพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
=== มาตรา 9. ===
 
มาตรา ๙ รัฐมุ่งมั่นที่จะสืบทอดและพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม และเสริมสร้างวัฒนธรรมของชาติ
รัฐเคารพและปกป้องการเคลื่อนไหวอันถูกกฎหมายของพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนอื่น. ปลุกระดมส่งเสริมพระภิกษุสามเณร และนักบวชของศาสนาให้เข้าร่วม ในการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชน. ห้ามทุกการกระทำ ที่เป็นการแบ่งแยกศาสนา, แบ่งแยกประชาชน.
 
=== มาตรา 10. ===
 
หมวด ๒
รัฐคุ้มครองสังคมด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย. องค์การจัดตั้งของพรรค, รัฐ, แนวลาวสร้างชาติ, องค์การจัดตั้งมหาชน, องค์การจัดตั้งสังคม และพลเมืองทุกคน ต้องเคารพและปฏิบัติรัฐธรรมนูญและกฏหมายอย่างเข้มงวด.
 
สิทธิและหน้าที่ของประชาชน
=== มาตรา 11. ===
 
มาตรา ๑๐ ประชาชนทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่าในฐานะที่เป็นมนุษย์ และมีสิทธิที่จะแสวงหาความสุข
รัฐปฏิบัติแนวทาง, นโยบายป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบทั่วปวงชนและรอบด้าน; ปรับปรุงและก่อสร้างกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบให้เข้มแข็ง, มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติและต่อประชาชน, มีความสามารถปฏิบัติหน้าที่ปกปักรักษาดอกผลของการปฏิวัติ, ชีวิต, ทรัพย์สิน และการออกแรงงานของประชาชน; ประกอบส่วนเข้าในภารกิจพัฒนาประเทศชาติให้มั่งคั่งเข้มแข็ง.
 
รัฐมีหน้าที่ให้ความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนพึงจะมีอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
=== มาตรา 12. ===
 
มาตรา ๑๑ (๑) ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียมกันในกฎหมาย และจะได้รับการเลือกปฏิบัติในทาง
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ปฏิบัตินโยบายการต่างประเทศ สันติภาพ, เอกราช, มิตรภาพ และการร่วมมือ; ขยายสายสัมพันธ์ และการร่วมมือกับทุกประเทศ บนหลักการอยู่ร่วมกันโดยสันติ, เคารพเอกราช, อธิปไตย, ผืนแผ่นดินอันครบถ้วนของกัน, ไม่แทรกแซงเข้ากิจการภายในของกัน, เสมอภาพ และต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์.
 
การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวิถีทางวัฒนธรรม เนื่องจากความแตกต่างทางเพศ ศาสนา หรือสังคม มิได้
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวสนับสนุนการต่อสู้ของประชาชนในโลก เพื่อสันติภาพ, เอกราชแห่งชาติ, ประชาธิปไตย และความก้าวหน้าทางสังคม.
 
(๒) จะไม่มีการยอมรับชนชั้นวรรณะพิเศษใดๆ และจะมีชนชั้นวรรณะพิเศษในรูปแบบ
 
ใดๆ มิได้
== หมวดที่ 2 ระบบเศรษฐกิจ และสังคม ==
 
(๓) การมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ใดๆ จะมีผลบังคับเฉพาะผู้รับเท่านั้น และจะไม่มีอภิสิทธิ์
=== มาตรา 13. ===
 
ใดๆ ที่เกิดจากการได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์นั้น
เศรษฐกิจแห่งชาติ ของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว คือเศรษฐกิจหลายภาคส่วนที่คงตัวอย่างยาวนาน ซึ่งล้วนแต่ได้รับการส่งเสริม เพื่อขยายกำลังการผลิต, เปิดกว้างการผลิต, ธุรกิจ และการบริการ, หันเศรษฐกิจธรรมชาติไปสู่เศรษฐกิจสินค้า, ปฏิบัติการหันเป็นอุตสาหกรรม และการหันเป็นทันสมัย; เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจของภาคพื้น และของโลก, ทำให้เศรษฐกิจแห่งชาติมีเสถียรภาพ และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง, ยกระดับชีวิตการเป็นอยู่ทางด้านวัตถุ และจิตใจของประชาชนให้สูงขึ้น.
 
มาตรา ๑๒ (๑) ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพทางร่างกาย บุคคลใดจะถูกจับกุม คุมขัง ยึด สืบค้น หรือ
ทุกภาคส่วนเศรษฐกิจล้วนแต่มีความเสมอภาพต่อหน้ากฎหมาย และเคลื่อนไหวตามกลไกเศรษฐกิจตลาด, ทั้งแข่งขัน และร่วมมือกันขยายการผลิต, ธุรกิจภายใต้การควบคุมของรัฐตามทิศสังคมนิยม.
 
สอบสวนมิได้ เว้นแต่ที่เป็นไปโดยกฎหมายกำหนด บุคคลใดจะถูกลงโทษ หรือถูกจำกัดการคุ้มครองการป้องกัน
=== มาตรา 14. ===
 
หรือบังคับใช้แรงงานมิได้ เว้นแต่ที่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย หรือเป็นไปตามขั้นตอนที่ชอบด้วยกฎหมาย
รัฐส่งเสริมทุกภาคส่วนเศรษฐกิจภายในประเทศ ลงทุนเข้าในการผลิต, ธุรกิจ และการบริการ, ประกอบส่วนเข้าในการหันเป็นอุตสาหกรรม และการหันเป็นทันสมัย, ทำให้เศรษฐกิจแห่งชาติเติบใหญ่เข้มแข็ง.
 
(๒) ประชาชนทุกคนจะได้รับการทารุณกรรม หรือถูกบังคับในการให้ปากคำอันจะเป็น
 
ผลเสียต่อตนเองในคดีอาญาไม่ได้
=== มาตรา 15. ===
 
(๓) ในกรณีที่จะดำเนินการจับกุม คุมขัง ยึด หรือสืบค้น จะต้องแสดงหมายศาลที่ออกโดย
รัฐส่งเสริมการลงทุนของต่างประเทศในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, สร้างสิ่งแวดล้อมอำนวยความสะดวกให้แก่การนำเอาทุน, เทคโนโลยี และการคุ้มครองที่ก้าวหน้าเข้าสู่กระบวนการผลิต, ธุรกิจ และการบริการ.
 
ผู้พิพากษา ด้วยการยื่นขอสืบค้นตามขั้นตอนที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ในกรณีที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้มีความผิดทางอาญา
ทรัพย์สมบัติ และทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ลงทุนในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว จะมิถูกเก็บเกณฑ์, มิถูกยึด หรือโอนเป็นของรัฐ.
 
หรือต้องโทษในคดีอาญาที่มีโทษจำคุก ๓ ปีขึ้นไป และเป็นกังวลว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรืออาจทำลายหลักฐาน
=== มาตรา 16. ===
 
ความผิด สามารถยื่นขอหมายศาลในภายหลังได้
รัฐปกป้อง และเสริมขยายบรรดารูปการกรรมสิทธิ์ของรัฐ, ของรวมหมู่, เอกเทศ, เอกชนภายใน และต่างประเทศที่ลงทุนในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว.
 
(๔) บุคคลใดๆที่ถูกจับกุม หรือถูกควบคุมตัว มีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือจาก
=== มาตรา 17. ===
 
ทนายความโดยพลัน แต่หากผู้ต้องหาคดีอาญาไม่สามารถหาทนายความได้ด้วยตนเอง รัฐจะต้องจัดหา
รัฐปกป้องสิทธิเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ (สิทธิ์ครอบครอง, สิทธิ์นำใช้, สิทธิ์ได้รับดอกผล, สิทธิ์ชี้ขาด) และสิทธิ์สืบทอดทรัพย์สมบัติของการจัดตั้ง และของบุคคล. สำหรับที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของวงคณาญาติแห่งชาติ, รัฐรับประกันสิทธิ์นำใช้, สิทธิ์โอน และสิทธิ์สืบทอดตามกฎหมาย.
 
ทนายความให้ตามที่กฎหมายกำหนด
=== มาตรา 18. ===
 
(๕) บุคคลใดที่ถูกจับกุม หรือถูกควบคุมตัว โดยไม่แจ้งสาเหตุของการจับกุมหรือไม่แจ้งสิทธิ
รัฐคุ้มครองเศรษฐกิจตามกลไลเศรษฐกิจตลาดที่มีการควบคุมของรัฐ, ปฎิบัติหลักการสบทบการคุ้มครองรวมศูนย์ เป็นเอกภาพของแขนงการศูนย์กลางกับการแบ่งความรับผิดชอบคุ้มครองให้ท้องถิ่น ตามระเบียบกฎหมาย.
 
ที่สามารถได้รับความช่วยเหลือจากทนายความมิได้ และจะต้องแจ้งเวลาและสถานที่ที่ถูกจับกุม หรือคุมขังให้แก่
=== มาตรา 19. ===
 
ครอบครัวของผู้ถูกจับกุมหรือคุมขังตามที่กฎหมายกำหนดโดยพลัน
ทุกองค์การจัดตั้ง และพลเมืองทุกคน ต้องปกปักรักษาสิ่งแวดล้อม, ปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติ: หน้าดิน, พื้นดิน, ป่าไม้, สัตว์, แหล่งน้ำ และอากาศ.
 
(๖) บุคคลใดที่ถูกจับกุม หรือถูกคุมขังมีสิทธิที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อตรวจสอบความชอบ
=== มาตรา 20. ===
 
ด้วยกฎหมายของการดำเนินการจับกุม หรือคุมขัง
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ปฏิบัตินโยบายเปิดกว้างการพัวพันร่วมมือเศรษฐกิจกับต่างประเทศ โดยนำใช้รูปการสัมพันธ์เศรษฐกิจแบบหลายทิศ, หลายฝ่าย, หลายรูปแบบ บนหลักการเคารพเอกราช, อธิปไตยของกัน, เสมอภาพ และต่างฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์.
 
(๗) กรณีที่มีการใช้ความรุนแรง การทารุณกรรมทางเพศ การข่มขู่ หรือการหลอกลวง
=== มาตรา 21. ===
 
เพื่อให้ผู้ต้องหารับสารภาพ หรือในกรณีที่คำสารภาพของผู้ต้องหาเป็นเพียงหลักฐานของผู้ต้องหาในการพิจารณาคดี
รัฐให้ความสำคัญแก่การพัฒนาเศรษฐกิจ ติดพันกับการพัฒนาวัฒนธรรม-สังคม โดยใช้บุริมสิทธิ์แก่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์.
 
คำสารภาพนั้น จะนำมาใช้เป็นหลักฐานของความผิดหรือเป็นหลักฐานให้ผู้ต้องหาได้รับการลงโทษมิได้
=== มาตรา 22. ===
รัฐเอาใจใส่ปฏิบัตินโยบายพัฒนาการศึกษา, ปฏิบัติระบอบการศึกษาชั้นประถมแบบบังคม เพื่อสร้างคนลาวให้เป็นพลเมืองดี, มีคุณสมบัติศีลธรรมปฏิวัติ, มีความรู้และความสามารถ.
 
รัฐและทั่วสังคม ตั้งหน้าพัฒนาการศึกษาแห่งชาติให้มีคุณภาพ, สร้างโอกาส และเงื่อนไขให้ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่เขตห่างไกลซอกหลีก, ชนเผ่า, แม่หญิง, เด็กน้อย และผู้ด้อยโอกาส.
 
มาตรา ๑๓ (๑) ประชาชนทุกคนจะต้องไม่ถูกดำเนินคดีสำหรับการกระทำที่ไม่เป็นความผิดทางอาญา
รัฐส่งเสริม และผลักดันให้เอกชนลงทุนเข้าในการพัฒนาการศึกษาแห่งชาติตามกฎหมาย.
 
ตามกฎหมายกำหนด และจะได้รับโทษในความผิดเดียวกันมิได้
=== มาตรา 23. ===
 
(๒) ประชาชนทุกคนจะต้องไม่ถูกจำกัดสิทธิทางการเมือง หรือจะต้องไม่ถูกลิดรอนสิทธิ
รัฐส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นมูลเชื้ออันดีงามของชาติ และของชนเผ่า สมทบกับการรับเอาวัฒนธรรมที่ก้าวหน้าของโลกอย่างมีการเลือกเฟ้น
 
ในทรัพย์สินผ่านการบัญญัติกฎหมายที่มีผลบังคับย้อนหลัง
รัฐส่งเสริมการเคลื่อนไหววัฒนธรรม, ศิลปะวรรณคดี, การประดิษฐ์คิดแต่ง, คุ้มครอง และปกปักรักษามรดกทางด้านวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ, บูรณะปฏิสังขรณ์วัตถุโบราณ และปูชนียสถาน.
 
(๓) ประชาชนทุกคนจะได้รับการดูแลโดยมิชอบ อันเนื่องมาจากการกระทำของญาติพี่น้อง
รัฐเอาใจใส่ปรับปรุง และขยายงานสื่อมวลชน เพื่อรับใช้ภารกิจปกปักรักษา และพัฒนาประเทศชาติ.
 
ที่ไม่ใช่การกระทำของตนเองมิได้
ห้ามทุกการเคลื่อนไหวด้านวัฒนธรรม หรือนำใช้สื่อมวลชน เพื่อก่อความเสียหายให้แก่ผลประโยชน์ของชาติ, ทำลายจารีตประเพณีอันดีงาม หรือเกียรติศักดิ์ศรีของคนลาว.
 
มาตรา ๑๔ ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการอยู่อาศัย และมีสิทธิในการเคลื่อนย้ายถิ่นฐาน
=== มาตรา 24. ===
 
มาตรา ๑๕ ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
รัฐเอาใจใส่ส่งเสริมสติปัญญา และหัวคิดประดิษฐ์สร้างในงานการค้นคว้า และการนำใช้วิทยาศาตร์-เทคโลยี, ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ไปเคียงคู่กับ การบำรุง และก่อสร้างนักวิทยาศาสตร์ เพื่อผลักดันการหันเป็นอุตสาหกรรม และการหันเป็นทันสมัย.
 
มาตรา ๑๖ ประชาชนทุกคนจะถูกละเมิดเสรีภาพในการอยู่อาศัยมิได้ เว้นแต่กรณีที่จะทำการเข้ายึด
=== มาตรา 25. ===
 
หรือตรวจค้นที่พักอาศัยจำต้องแสดงหมายศาลในการยื่นขอการตรวจค้น
รัฐเอาใจใส่ปรับปรุง และขยายงานสาธารณสุข เพื่อรักษาสุขภาพของประชาชน.
 
มาตรา ๑๗ ประชาชนทุกคนจะต้องไม่ถูกละเมิดเสรีภาพและความเป็นส่วนตัว
รัฐ และสังคมตั้งหน้าก่อสร้าง และปรับปรุงระบบการป้องกันโรค และรักษาพยาบาลผู้ป่วยอย่างทั่วถึง, สร้างเงื่อนไขให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแลด้านสุขภาพ โดยเฉพาะแม่ และเด็กน้อย, ประชาชนผู้ทุกยาก และผู้อยู่เขตห่างไกลซอกหลีก เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพดี.
 
มาตรา ๑๘ ประชาชนทุกคนจะต้องไม่ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวในการติดต่อสื่อสาร
รัฐส่งเสริม และผลักดันให้เอกชนลงทุน เปิดบริการด้านสาธารณสุข ตามระเบียบกฎหมาย.
 
มาตรา ๑๙ ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพทางความคิด
ห้ามทุกการบริการด้านสาธารณสุข ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย.
 
มาตรา ๒๐ (๑) ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา
=== มาตรา 26. ===
 
(๒) ไม่มีศาสนาประจำชาติ และศาสนากับการเมืองต้องแยกออกจากกัน
รัฐ และสังคมเอาใจใส่ผลักดัน, ส่งเสริม และลงทุนเข้าในการกีฬากายกรรมของมหาชน นับทั้งประเภทกีฬาที่เป็นมูลเชื้ออันดีงามของเผ่าต่างๆ และกีฬาสากล เพื่อยกระดับความสามารถด้านการกีฬาให้สูงขึ้น, เสริมสร้างกำลัง และสุขภาพของประชาชน.
 
มาตรา ๒๑ (๑) ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการพูด ติดต่อสื่อสาร และเสรีภาพในการรวมตัว และ
=== มาตรา 27. ===
 
การเข้าร่วมเป็นสมาคม
รัฐ และสังคมเอาใจใส่พัฒนาฝีมือแรงงาน; ยกสูงวินัยแรงงาน, ส่งเสริมวิชาชีพ และงานทำของประชาชน; ปกป้องสิทธิ์ และผลประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ออกแรงงาน.
 
(๒) การอนุญาตหรือการเซ็นเซอร์การพูด หรือในสื่อต่างๆ และการอนุญาตให้รวมตัวกัน
=== มาตรา 28. ===
 
และเข้าร่วมเป็นสมาคมจะไม่ได้รับการยอมรับ
รัฐ และสังคมเอาใจใส่ปฏิบัติโยบายสวัสดิการสังคมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะต่อวีรชนแห่งชาติ, นักรบแข่งขัน พนักงานบำนาญ, ผู้เสียอวัยวะ, ครอบครัวผู้เสียสละชีวิต เพื่อภารกิจปฏิวัติ และผู้มีคุณงามความดีต่อประเทศชาติ.
 
(๓) มาตรฐานของสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารและการกระจายเสียง และ
=== มาตรา 29. ===
 
รายละเอียดที่จำเป็น เพื่อให้แน่ใจถึงอำนาจหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ
รัฐ, สังคม และครอบครัวเอาใจใส่ปฏิบัตินโยบายพัฒนา และส่งเสริมความก้าวหน้าของแม่หญิง, ปกป้องสิทธิ์ และผลประโยชน์ของแม่หญิง และเด็กน้อย.
 
(๔) คำพูด หรือสื่อสิ่งพิมพ์ใด จะละเมิดสิทธิและชื่อเสียงของผู้อื่น หรือคุณธรรมพื้นฐาน
=== มาตรา 30. ===
 
ของสังคมหรือจริยธรรมทางสังคมมิได้ หากคำพูดหรือสื่อสิ่งพิมพ์ใดเกิดการละเมิดสิทธิ และชื่อเสียงของผู้อื่น
รัฐ และสังคมส่งเสริม, พัฒนา และเปิดกว้างการท่องเที่ยววัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ.
ห้ามการท่องเที่ยว ที่จะสร้างความเสื่อมเสียต่อวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ หรือขัดกับระเบียบกฎหมาย ของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว.
 
ผู้เสียหายสามารถเรียกร้องการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
 
== หมวดที่ 3 การป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ ==
 
มาตรา ๒๒ (๑) ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพในการเรียนรู้และศึกษาศิลปะ
=== มาตรา 31. ===
 
(๒) สิทธิของนักประพันธ์ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ และศิลปินจะได้รับความคุ้มครอง
การป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ เป็นหน้าที่ของกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ, เป็นพันธะของทุกการจัดตั้ง และพลเมืองลาวทุกคน ในการปกปักรักษาความเป็นเอกราช, อำนาจอธิปไตย และผืนแผ่นดินอันครบถ้วนของประเทศชาติ; ปกปักรักษาชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน, รับประกันเสถียรภาพ และความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยประชาชน
 
โดยกฎหมาย
การป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ ต้องสมทบแน่นกับการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม.
 
มาตรา ๒๓ (๑) สิทธิในทรัพย์สินของประชาชนทุกคนจะได้รับการรับรอง รายละเอียดและข้อจำกัด
=== มาตรา 32. ===
 
ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย
กำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ ต้องเอาใจใส่ปรับปรุง และก่อสร้างตนเองให้เติบใหญ่เข้มแข็ง, เชิดชูความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ, เป็นกำลังประกอบอาวุธของประชาชน ที่มีธาตุแท้ปฏิวัติ, ระเบียบวิไนเข้มงวด และมีแบบแผนทันสมัย, มีความสามารถในการสู้รบสูง; เป็นกำลังหลักแหล่งในการรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ, ความสงบ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม.
 
(๒) การใช้สิทธิในทรัพย์สินจะต้องสอดคล้องกับสวัสดิภาพของประชาชน
รัฐเอาใจใส่ประกอบวัตถุอุปกรณ์, เทคนิค, เทคโนโลยี, พาหนะ, เครื่องมือ และยกระดับความรู้, ความสามารถ, วิชาเฉพาะ, ยุทธศิลป์ และยุทธวิธีของกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบให้สูงขึ้น.
 
(๓) การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การใช้หรือการจำกัดสิทธิในทรัพย์สิน เนื่องมาจากความจำเป็น
=== มาตรา 33. ===
รัฐ และสังคมเอาใจใส่ปฏิบัตินโยบาย, ดูแลชีวิตการเป็นอยู่ทางด้านวัตถุ และจิตใจ และปฏิบัตินโยบายแนวหลังต่อกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ เพื่อเพิ่มทวีความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ปกปักรักษาประเทศชาติ และรักษาความสงบของสังคม.
 
ของประชาชน และค่าชดเชยในเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ในกรณีดังกล่าวจะต้องมีการจ่าย
กำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ ต้องเอาใจใส่ยกสูงจิตใจพึ่งตนเอง, กุ้มตนเอง, ออกแรงสร้างพลาธิการกับที่ เพื่อรับประกันการปฏิบัติหน้าที่ของตน และประกอบส่วนในการสร้างสาพัฒนาประเทศชาติ.
 
ค่าชดเชยให้เหมาะสม
== หมวดที่ 4 สิทธิ์และพันธะพื้นฐานของพลเมือง ==
 
มาตรา ๒๔ ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการเลือกตั้งตามที่กฎหมายกำหนดไว้
=== มาตรา 34. ===
 
พลเมืองลาวมาตรา คือผู้ที่๒๕ ประชาชนทุกคนมีสัญชาติลาว สิทธิในการรับราชการตามที่ได้กฎหมายกำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
มาตรา ๒๖ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรต่อหน่วยงานของรัฐ
=== มาตรา 35. ===
 
ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนด
พลเมืองลาว โดยไม่จำแนกหญิงชาย, ฐานะทางด้านสังคม, ระดับการศึกษา, ความเชื่อถือ และชนเผ่า ล้วนแต่มีความเสมอภาพต่อหน้ากฎหมาย.
 
(๒) รัฐมีหน้าที่ในการตรวจสอบเกี่ยวกับการร้องเรียนนั้น
=== มาตรา 36. ===
 
มาตรา ๒๗ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีตามกฎหมาย โดยผู้พิพากษา
พลเมืองลาวผู้ที่มีอายุแต่สิบแปดปีขึ้นไป มีสิทธิ์หย่อนบัตรเลือกตั้ง และผู้ที่มีอายุแต่ยี่สิบเอ็ดปีขึ้นไป มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เว้นเสียแต่ผู้เป็นบ้า, เสียจริต และผู้ที่ถูกศาลตัดสิทธิปลดสิทธิ์เลือกตั้ง และสมัครรับเลือกตั้ง.
 
มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
=== มาตรา 37. ===
 
(๒) บุคคลที่มิได้รับราชการทหาร หรือเป็นลูกจ้างของหน่วยราชการทหารไม่ต้องได้รับการ
พลเมืองลาวหญิงชาย มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ในด้านการเมือง, เศรษฐกิจ, วัฒนธรรม-สังคม และครอบครัว.
 
พิจารณาคดีในศาลทหารภายใต้เขตอาณาบริเวณของสาธารณรัฐเกาหลี เว้นแต่ในกรณีที่เป็นการก่ออาชญากรรม
=== มาตรา 38. ===
 
ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลความลับทางการทหารที่สำคัญ ทหารยาม การเฝ้ายาม การจำหน่าย
พลเมืองลาว มีสิทธิ์ได้รับการศึกษาร่ำเรียน, ยกสูงความก้าวหน้า.
 
อาหารและเครื่องดื่มที่เป็นพิษ เป็นเชลยศึก และในกรณีที่มีการประกาศกฎอัยการศึก
=== มาตรา 39. ===
 
(๓) ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีด้วยความรวดเร็ว ผู้ต้องหาในคดีอาญา
พลเมืองลาวมีสิทธิ์ทำงาน และประกอบอาชีพที่มิขัดต่อกฎหมาย. ผู้ออกแรงงานมีสิทธิ์ได้รับการพักผ่อน, ได้รับการรักษาพยาบาลในเวลาเจ็บป่วย, ได้รับการช่วยเหลือในกรณีที่หมดความสามารถออกแรงงาน, เสียอวัยวะ, ในเวลาเฒ่าแก่ และในกรณีอื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
มีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยเปิดเผยอย่างไม่ล่าช้าหากไม่มีเหตุผลอันสมควร
=== มาตรา 40. ===
 
(๔) ผู้ต้องหาในคดีอาญาจะได้รับการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกระทั่งจะมีการตัดสิน
พลเมืองลาว มีสิทธิ์เสรีภาพในการตั้งภูมิลำเนา และในการไปมา ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
ว่ามีความผิดอย่างชัดเจน
=== มาตรา 41. ===
 
(๕) ผู้เสียหายในคดีอาญาสามารถให้ปากคำในชั้นศาลตามที่กฎหมายกำหนดได้
พลเมืองลาว มีสิทธิ์ร้องทุกข์, ร้องฟ้องและเสนอความเห็นต่อองค์การที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พัวพันถึงสิทธิ์ และผลประโยชน์รวม หรือสิทธิ์ และผลประโยชน์เฉพาะของตน.
 
คำร้องทุกข์, คำร้องฟ้อง และความเห็นของพลเมืองต้องได้รับการพิจารณา และแก้ไขตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาผู้ซึ่งถูกคุมขังอยู่แล้ว ได้รับการยกฟ้อง หรือ
=== มาตรา 42. ===
 
ถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาสามารถเรียกร้อง
พลเมืองลาวมีสิทธิ์โดยไม่มีผู้ใดจะล่วงละเมิดได้ทางร่างกาย, เกียรติศักดิ์ศรี และเคหะสถาน. พลเมืองลาวจะไม่ถูกจับตัว หรือตรวจค้นเคหะสถาน ถ้าหากไม่มีคำสั่งของอัยการ หรือศาลประชาชน เว้นเสียแต่ในกรณีที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
ค่าชดเชยเป็นจำนวนที่เหมาะสมต่อรัฐได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
=== มาตรา 43. ===
 
มาตรา ๒๙ (๑) บุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการ หรือ
พลเมืองลาว มีสิทธิ์เสรีภาพในการเชื่อถือ หรือไม่เชื่อถือศาสนา.
 
เจ้าหน้าที่รัฐ สามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐ หรือจากองค์กรของรัฐได้ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมาย และ
=== มาตรา 44. ===
 
หน่วยงาน เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องร่วมรับผิดชอบหนี้สินดังกล่าวด้วย
พลเมืองลาว มีสิทธิ์เสรีภาพในการพูดคุย, ขีดเขียน, รวมชุมนุม, จัดตั้งสมาคม และเดินขบวน ที่มิขัดกับระเบียบกฎหมาย.
 
(๒) ในกรณีที่เป็นทหาร บุคคลที่ทำงานในหน่วยราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ หรืออื่นๆ
=== มาตรา 45. ===
 
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายได้รับความเสียหายอันเนื่องมาจากการทำสงคราม การฝึกซ้อม การปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ
พลเมืองลาวมีสิทธิ์เสรีภาพในการค้นคว้า และนำใช้ความก้าวหน้า ทางด้านวิทยาศาสตร์, เทคนิค และเทคโนโลยี, ประดิษฐ์สร้างศิลปะวรรณคดี และดำเนินการเคลื่อนไหววัฒนธรรม ที่มิขัดกับระเบียบกฎหมาย
 
บุคคลนั้นจะไม่ได้รับสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายต่อรัฐ หรือต่อองค์กรของรัฐเนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐกระทำ
=== มาตรา 46. ===
 
อันมิชอบด้วยกฎหมาย แต่จะมีสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐปกป้องสิทธิ์ และผลประโยชน์อันถูกกฎหมายของพลเมืองลาวที่อยู่ต่างประเทศ.
 
มาตรา ๓๐ บุคคลที่ได้รับความเสียหายจนถึงแก่ชีวิต หรือความเสียหายทางร่างกาย เนื่องจาก
=== มาตรา 47. ===
 
การกระทำความผิดทางอาญาของผู้อื่น สามารถได้รับความช่วยเหลือจากรัฐตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
พลเมืองลาว มีพันธะเคารพรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย, ปฏิบัติระเบียบการออกแรงงาน, ระเบียบการดำรงชีวิตของสังคม และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง.
 
มาตรา ๓๑ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันตามความสามารถของ
=== มาตรา 48. ===
 
แต่ละบุคคล
พลเมืองลาวมีพันธะเสียภาษี และส่วยสาอากรตามระเบียบกฎหมาย.
 
(๒) ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการให้บุตรหลานในการปกครองได้รับการศึกษาอย่างน้อยที่สุด
=== มาตรา 49. ===
 
ในระดับชั้นประถมศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด
พลเมืองลาว มีพันธะปกปักรักษาประเทศชาติ และป้องกันความสงบ, ปฏิบัติพันธะการทหารตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
(๓) การศึกษาภาคบังคับไม่เสียค่าใช้จ่าย
=== มาตรา 50. ===
 
(๔) ความเป็นอิสระ เทคนิค ความเป็นกลางทางการเมืองของการศึกษา และความเป็นอิสระ
ชาวต่างด้าว และผู้ไม่มีสัญชาติก็มีสิทธิ์ได้รับการป้องกันสิทธิ์ และเสรีภาพตามที่ได้กำหนดไว้อยู่ในกฎหมายของ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, มีสิทธิ์ร้องฟ้องต่อศาล และองค์การที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, มีพันธะเคารพรัฐธรรมนูญ และระเบียบกฎหมายของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว.
 
ของมหาวิทยาลัยจะได้รับการรับประกันภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
=== มาตรา 51. ===
 
(๕) รัฐต้องให้การสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว อนุญาตการลี้ภัยให้แก่คนต่างประเทศที่ถูกปราบปราม เพราะได้ทำการต่อสู้ เพื่ออิสรภาพ, ความเป็นธรรม, สันติภาพ, และภารกิจวิทยาศาสตร์.
 
(๖) ระบบการศึกษาที่รวมถึงการศึกษาในสถาบันการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
== หมวดที่ 5 สภาแห่งชาติ ==
=== มาตรา 52. ===
 
และการบริหารจัดการ การเงิน และรายละเอียดเกี่ยวกับสถานภาพของบุคลากรทางการศึกษาได้กำหนดไว้
สภาแห่งชาติ คือองค์การตัวแทนแห่งสิทธิอำนาจ และผลประโยชน์ ของประชาชนบรรดาเผ่า, เป็นองค์การอำนาจแห่งรัฐ และทั้งเป็นองค์การนิติบัญญัติ ที่มีสิทธิ์ตกลงปัญหาพื้นฐานของประเทศชาติ, ติดตามตรวจตราการเคลื่อนไหวขององค์การบริหาร, ศาลประชาชน และองค์การอัยการประชาชน.
 
ในกฎหมาย
=== มาตรา 53. ===
 
มาตรา ๓๒ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการทำงาน รัฐจะต้องมุ่งในการสนับสนุนการจ้างแรงงาน
สภาแห่งชาติมีสิทธิ์ และหน้าที่ดังนี้:
# สร้าง, รับรองเอา หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ.
# พิจารณา, รับรองเอา, เปลี่ยนแปลง หรือลบล้างกฎหมาย.
# พิจารณารับรองเอาการกำหนด, การเปลี่ยนแปลง หรือลบล้างภาษี และส่วยสาอากร.
# พิจารณา, รับรองเอาแผนยุทธศาสตร์แห่งการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม และแผนงบประมาณแห่งรัฐ.
# เลือกตั้ง หรือปลดตำแหน่งประธาน, รองประธาน และกรรมการคณะประจำสภาแห่งชาติ.
# เลือกตั้ง หรือปลดตำแหน่งประธานประเทศ และรองประธานประเทศตามการเสนอของคณะประจำสภาแห่งชาติ.
# พิจารณา, รับรองเอาการเสนอแต่งตั้ง หรือปลดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามการเสนอของประธานประเทศ, พิจารณา, รับรองเอาโครงประกอบกงจักรของรัฐบาล, การแต่งตั้ง, การโยกย้าย, หรือการปลดตำแหน่งสมาชิกรัฐบาล (คณะรัฐมนตรี) ตามการเสนอของนายกรัฐมนตรี.
# เลือกตั้ง หรือปลดตำแหน่งประธานศาลประชาชนสูงสุด และอัยการประชาชนสูงสุดตามการเสนอของประธานประเทศ.
# ตกลงสร้างตั้ง หรือยุบเลิกกระทรวง, องค์การเทียบเท่ากระทรวง, แขวง และนคร, ตกลงเขตแดนของแขวง และนคร ตามการเสนอของนายกรัฐมนตรี
# ตกลงให้นิรโทษกรรม.
# ตกลงให้สัตยาบัน หรือลบล้างสนธิสัญญา, สัญญาที่ได้เซ็นกับต่างประเทศตามกฎหมาย.
# ตกลงปัญหาสงคราม หรือสันติภาพ.
# ติดตามตรวจตราการเคารพ และปฏิบัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย.
# ปฏิบัติสิทธิ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
และมุ่งในการรับประกันค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสมด้วยวิธีการทางสังคมและเศรษฐกิจ และจะต้องบังคับใช้
=== มาตรา 54. ===
สภาแห่งชาติ แต่ละชุดมีอายุการห้าปี.
 
ระบบค่าแรงขั้นต่ำภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
สมาชิกสภาแห่งชาติ คือพลเมืองลาวผู้เลือกตั้งตามระเบียบที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
* การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติชุดใหม่ ต้องให้แล้วอย่างช้าหกสิบวัน ก่อนสภาแห่งชาติชุดเก่าจะหมดอายุการ.
* ในกรณีที่เกิดสงคราม หรือด้วยสาเหตุอื่น ซึ่งก่อความยุ่งยากให้แก่การเลือกตั้งนั้น สภาแห่งชาติอาจจะต่ออายุการของตนก็ได้ แต่ต้องดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติชุดใหม่ อย่างช้ามิให้เกิดหกเดือน ภายหลังสภาพการได้กลับคืนสู่ปกติ.
* ในกรณีมีความจำเป็น สภาแห่งชาติจะดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติก่อนการหมดอายุการของตนก็ได้แต่ต้องได้รับความเห็นดีอย่างน้อยสองส่วนสามของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติ ที่เข้าร่วมกองประชุม.
 
(๒) ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการทำงาน รัฐได้กำหนดรายละเอียดและเงื่อนไขของ
=== มาตรา 55 ===
สภาแห่งชาติเลือกตั้งคณะประจำของตน ซึ่งประกอบด้วยประธาน, รองประธาน และกรรมการจำนวนหนึ่ง.
 
การปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับหลักการทางประชาธิปไตยตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ประธาน และรองประธานสภาแห่งชาติ เป็นทั้งประธาน และรองประธานคณะประจำสภาแห่งชาติ.
 
(๓) มาตรฐานของเงื่อนไขในการทำงานให้กำหนดโดยกฎหมายเพื่อรับรองศักดิ์ศรีของ
=== มาตรา 56. ===
คณะประจำสภาแห่งชาติ คือองค์การประจำการของสภาแห่งชาติ, ปฏิบัติหน้าที่แทนสภาแห่งชาติ ในเวลาที่สภาแห่งชาติมิได้เปิดกองประชุม.
 
ความเป็นมนุษย์
คณะประจำสภาแห่งชาติมีสิทธิ์ และหน้าที่ดังนี้:
* ตระเตรียมกองประชุมสภาแห่งชาติ และรับประกันให้สภาแห่งชาติ ปฏิบัติแผนการที่ได้กำหนดไว้.
* ตีความหมาย และอธิบายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ.
* ติดตามตรวจตราการเคลื่อนไหวขององค์การบริหาร, ศาลประชาชน และองค์การอัยการประชาชน ในเวลาที่สภาแห่งชาติมิได้เปิดกองประชุม.
* แต่งตั้ง, ยกย้าย หรือปลดตำแหน่งผู้พิพากษาของศาลประชาชนทุกขั้น และผู้พิพากษาของศาลทหาร.
* เรียกรวมกองประชุมสภาแห่งชาติ
* ปฏิบัติสิทธิ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
=== มาตรา 57 ===
สภาแห่งชาติเปิดกองประชุมสมัยสามัญปีละสองครั้ง โดยคณะประจำสภาแห่งชาติเป็นผู้เรียกรวม. คณะประจำสภาแห่งชาติอาจจะเรียกรวมกองประชุมสมัยวิสามัญก็ได้ ถ้าหากเห็นว่ามีความจำเป็น.
 
=== มาตรา 58 ===
กองประชุมสภาแห่งชาติจะดำเนินได้ ก็ต่อเมื่อหากมีสมาชิกสภาแห่งชาติเข้าร่วมมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมด.
 
(๔) แรงงานผู้หญิงได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ และจะต้องไม่ได้รับการเลือกปฏิบัติ
มติของกองประชุมสภาแห่งชาติ จะมีคุณค่าได้ก็ต่อเมื่อได้รับคะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่เข้าร่วมกองประชุม เว้นเสียแต่กรณีที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา 54, 66 และมาตรา 97 ของรัฐธรรมนูญ.
 
โดยไม่เป็นธรรมทั้งในเรื่องของการจ้างงาน ค่าแรง และเงื่อนไขของการทำงาน
=== มาตรา 59. ===
องค์การจัดตั้ง และบุคคลที่มีสิทธิ์เสนอสร้างร่างกฎหมายมีดังนี้:
# ประธานประเทศ.
# คณะประจำสภาแห่งชาติ.
# รัฐบาล.
# ศาลประชาชนสูงสุด.
# องค์การอัยการประชาชนสูงสุด.
# แนวลาวสร้างชาติ และองค์การจัดตั้งมหาชนขั้นศูนย์กลาง.
=== มาตรา 60===
กฎหมายที่สภาแห่งชาติได้รับรองเอาแล้วนั้น ต้องได้ประกาศใช้โดยประธานประเทศ อย่างช้ามิให้เกินสามสิบวัน นับแต่วันได้รับรองเป็นต้นไป. ในระยะเวลาดังกล่าวนั้น ประธานประเทศมีสิทธิ์เสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณาใหม่. กฎหมายที่ได้นำมาพิจารณาใหม่นั้น ถ้าว่าสภาแห่งชาติหากยังตกลงยืนยันเอาตามเดิมแล้ว ประธานประเทศก็ต้องประกาศใช้ภายในกำหนดสิบห้าวัน.
=== มาตรา 61 ===
บรรดาปัญหาที่เกี่ยวพันถึงชะตากรรมของประเทศชาติ และผลประโยชน์อันใหญ่หลวงของประชาชน ต้องผ่านสภาแห่งชาติ หรือคณะประจำสภาแห่งชาติ ในเวลาที่สภาแห่งชาติมิได้เปิดกองประชุม.
=== มาตรา 62. ===
สภาแห่งชาติสร้างตั้งบรรดากรรมาธิการของตน ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาร่างกฎหมาย และร่างรัฐบัญญัติ และนำเสนอต่อคณะประจำสภาแห่งชาติ และประธานประเทศ พร้อมทั้งช่วยสภาแห่งชาติ และคณะประจำสภาแห่งชาติปฏิบัติสิทธิ์ตรวจตราการเคลื่อนไหวขององค์การบริหาร, ศาลประชาชน และองค์การอัยการประชาชน.
=== มาตรา 63. ===
สมาชิกสภาแห่งชาติมีสิทธิ์ซักถามนายกรัฐมนตรี หรือสมาชิกรัฐบาล, ประธานศาลประชาชนสูงสุด และอัยการประชาชนสูงสุด. บุคคลที่ถูกซักถามนั้น ต้องชี้แจงต่อกองประชุมสภาแห่งชาติด้วยวาจา หรือเป็นลายลักษณ์อักษร.
===มาตรา 64===
สมาชิกสภาแห่งชาติ จะมิถูกดำเนินคดี หรือกักขัง ถ้าหากมิได้รับความเห็นดีของสภาแห่งชาติ หรือของคณะประจำสภาแห่งชาติ ในเวลาที่สภาแห่งชาติมิได้เปิดกองประชุม.
 
(๕) แรงงานที่เป็นผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษ
ในกรณีที่มีการกระทำผิดซึ่งหน้า หรือรีบด่วนนั้น องค์การที่กักขังสมาชิกสภาแห่งชาติ ต้องรายงานทันทีให้สภาแห่งชาติ หรือคณะประจำสภาแห่งชาติในเวลาที่สภาแห่งชาติมิได้เปิดกองประชุมเพื่อพิจารณาตกลง. การสืบสวน-สอบสวนมิเป็นสาเหตุให้สมาชิกสภาแห่งชาติที่ถูกดำเนินคดีนั้น ขาดประชุมสภาแห่งชาติ.
 
(๖) ครอบครัวของผู้มีคุณูปการของชาติ ทหารทุพพลภาพ และทหารและตำรวจที่เสียชีวิต
== หมวดที่ 6 ประธานประเทศ ==
 
ในสงครามพึงได้รับโอกาสในการทำงานก่อน ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
=== มาตรา 65. ===
 
มาตรา ๓๓ (๑) แรงงานมีสิทธิในการเข้าร่วมกลุ่ม และมีสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมกัน สิทธิในการ
ประธานประเทศเป็นประมุขรัฐแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว, เป็นผู้แทนให้ประชาชนลาวบรรดาเผ่าทั้งอยู่ภายในและต่อต่างประเทศ.
 
จัดระเบียบอย่างอิสระเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขในการทำงานตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
===มาตรา 66. ===
 
(๒) ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่กำหนดในกฎหมายเท่านั้นเป็นผู้มีสิทธิในการเข้าร่วมกลุ่ม และ
ประธานประเทศ นั้นสภาแห่งชาติเป็นผู้เลือกตั้งโดยรับคะแนนเสียงอย่างน้อยสองส่วนสามของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติที่เข้าร่วมกองประชุม.
 
มีสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมกัน สิทธิในการจัดระเบียบอย่างอิสระ
ประธานประเทศมีอายุการเท่ากับอายุการของสภาแห่งชาติ
 
(๓) สิทธิในการเข้าร่วมกลุ่มของแรงงานที่ปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาดินแดนตามที่
===มาตรา 67. ===
 
กฎหมายกำหนดจะถูกจำกัด หรือได้รับการปฏิเสธในการเข้าร่วมกลุ่มภายใต้เงื่อนไขตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ประธานประเทศมีสิทธิและหน้าที่ดังนี้:
# ประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่สภาแห่งชาติได้ตกลงรับรองเอาแล้ว.
# ออกรัฐบัญญัติและรัฐดำรัส.
# เสนอการแต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อสภาแห่งชาติเพื่อพิจารณาตกลง.
# แต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, แต่งตั้ง, โยกย้าย หรือปลดตำแหน่งสมาชิกรัฐบาลภายหลังที่สภาแห่งชาติได้รับรองเอาแล้ว.
# แต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งรองประธานศาลประชาชนสูงสุด ตามการเสนอของประธานศาลประชาชนสูงสุด, แต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งรองอัยการประชาชนสูงสุด ตามการเสนอของอัยการประชาชนสูงสุด.
# แต่งตั้ง โยกย้าย หรือปลดตำแหน่งเจ้าแขวง, เจ้าครองนคร ตามการเสนอของนายกรัฐมนตรี.
# เป็นแม่ทัพกำลังประกอบอาวุธของประชาชน.
# ตกลงเลื่อนชั้นหรือปลดชั้นนายพลอยู่กองกำลังป้องกันชาติ - ป้องกันความสงบ ตามการเสนอของนายกรัฐมนตรี.
# เรียกรวมและเป็นประธานกองประชุมพิเศษของรัฐบาล
# ตกลงประดับเหรียญคำแห่งชาติ, เหรียญกิตติคุณ, เหรียญชัย และนามยศสูงสุดแห่งรัฐ.
# ตกลงการให้อภัยโทษ.
# ตกลงการระดมพลทั่วไปหรือเป็นภาคส่วน, ตกลงภาวะฉุกเฉินในทั่วประเทศหรือในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง
# ประกาศให้สัตยาบันหรือการลบล้างสนธิสัญญาที่ได้เซ็นกับต่างประเทศ
# แต่งตั้งผู้แทนมีอำนาจเต็มของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวไปประจำอยู่ต่างประเทศหรือเรียกกลับคืนประเทศ ตามการเสนอของนายกรัฐมนตรี, รับรองเอาผู้แทนที่มีอำนาจเต็มของต่างประเทศที่มาประจำอยู่สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว. ปฏิบัติสิทธิและหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๓๔ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิในการใช้ชีวิตที่สมกับความเป็นมนุษย์
===มาตรา 68. ===
 
(๒) รัฐมีหน้าที่ในการมุ่งสนับสนุนความมั่นคงแห่งสังคม และสวัสดิการทางสังคม
ประธานประเทศมีรองประธานประเทศซึ่งสภาแห่งเป็นผู้เลือกตั้ง โดยได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติที่เข้าร่วมกองประชุม.
 
(๓) รัฐพึงพยายามส่งเสริมสวัสดิการและสิทธิสตรี
รองประธานประเทศปฏิบัติตามหน้าที่การมอบหมายของประธานประเทศ และทำการแทนประธานประเทศในเวลาประธานประเทศติดขัด.
 
(๔) รัฐมีหน้าที่ในการดำเนินนโยบายเพื่อเสริมสร้างสวัสดิการของผู้สูงอายุ และเยาวชน
== หมวดที่ 7 รัฐบาล ==
 
(๕) บุคคลที่ไม่อาจเลี้ยงชีพได้อันเนื่องมาจากการเป็นผู้พิการทางร่างกาย มีโรคภัยไข้เจ็บ
=== มาตรา 69. ===
 
หรือความสูงวัยย่อมได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
รัฐบาลเป็นองค์การบริหารแห่งรัฐ.
 
(๖) รัฐมุ่งที่จะป้องกันภัยพิบัติ และคุ้มครองประชาชนจากภัยอันตราย
รัฐบาลคุ้มครองอย่างเป็นเอกภาพการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐในทุกด้าน: การเมือง, เศรษฐกิจ, วัฒนธรรม-สังคม, ป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ และการต่างประเทศ.
 
มาตรา ๓๕ (๑) ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะมีสุขภาพที่ดีและสามารถดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ดี
=== มาตรา 70. ===
 
รัฐและประชาชนจะต้องพยายามรักษาสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลมีสิทธิ และหน้าที่ดังนี้:
 
(๒) รายละเอียดและการดำเนินการตามสิทธิทางสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
# ปฏิบัติรัฐธรรมนูญ, กฎหมาย และมติของสภาแห่งชาติ, รัฐบัญญัติ และรัฐดำรัสของประธานประเทศ.
# เสนอร่างกฎหมาย และร่างรัฐบัญญัติต่อสภาแห่งชาติ, ร่างรัฐดำรัสต่อประธานประเทศ.
# กำหนดแผนยุทธศาสตร์, แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม และแผนงบประมาณแห่งรัฐประจำปี แล้วนำเสนอให้ สภาแห่งชาติพิจารณา และรับรองเอา.
# รายงานการเคลื่อนไหวทำงานของตนต่อสภาแห่งชาติ, ต่อคณะประจำสภาแห่งชาติ (ในเวลาที่สภาแห่งชาติไม่ได้เปิดกองประชุม) และรายงานต่อประธานประเทศ.
# ออกดำรัส, มติตกลงเกี่ยวกับการคุ้มครองรัฐ, คุ้มครองเศรษฐกิจ-สังคม, วิทยาศาสตร์, เทคนิค, เทคโนโลยี, ทรัพยากแห่งชาติ, สิ่งแวดล้อม, การป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ และการต่างประเทศ.
# จัดตั้ง, ชี้นำ และตรวจตราการเคลื่อนไหวของบรรดาแขนงการ และองค์การปกครองท้องถิ่น.
# จัดตั้ง และตรวจตราการเคลื่อนไหวของกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ.
# เซ็นสนธิสัญญา, สัญญากับต่างประเทศ และชี้นำการปฏิบัติสนธิสัญญา และสัญญาที่ได้เซ็นแล้ว.
# งดการปฏิบัติ, ลบล้าง หรือยกเลิกข้อตกลง, คำสั่งของกระทรวง, องค์กรเทียบเท่ากระทรวง, องค์การที่ขึ้นกับรัฐบาล และองค์การปกครองท้องถื่นที่ขัดกับระเบียบกฎหมาย.
# ปฏิบัติสิทธิ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
(๓) รัฐมุ่งให้ประชาชนทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยที่ดีผ่านนโยบายการพัฒนาที่อยู่อาศัย
=== มาตรา 71. ===
 
มาตรา ๓๖ (๑) ชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวจะต้องถูกสร้างขึ้นและดำรงอยู่บนพื้นฐานของศักดิ์ศรี
รัฐบาล ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรี, หัวหน้าองค์การเทียบเท่ากระทรวง.
 
และความเสมอภาคทางเพศของแต่ละคน และรัฐจะต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้น
รัฐบาลมีอายุการ เท่ากับอายุการของสภาแห่งชาติ.
 
(๒) รัฐต้องมุ่งที่จะคุ้มครองความเป็นมารดา
=== มาตรา 72. ===
 
(๓) สุขภาพของประชาชนทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐ
นายกรัฐมนตรี นั้นประธานประเทศเป็นผู้แต่งตั้ง หรือปลดตำแหน่ง ภายหลังที่สภาแห่งชาติได้รับรองเอาแล้ว.
 
มาตรา ๓๗ (๑) สิทธิและเสรีภาพของพลเมืองจะต้องไม่ถูกละเลยด้วยเหตุผลที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้
=== มาตรา 73. ===
 
(๒) สิทธิเสรีภาพและของพลเมืองสามารถถูกจำกัดได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ในกรณี
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล และเป็นตัวแทนให้รัฐบาล ชี้นำ และอำนวยควบคุมงานของรัฐบาล, ชี้นำงานของกระทรวง, องค์การเทียบเท่ากระทรวง, ทบวง และองค์การอื่นๆ ที่ขึ้นกับรัฐบาล, ชี้นำงานของแขวง และนคร
 
ที่จำเป็น ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงของรัฐการคงไว้ซึ่งระเบียบปฏิบัติของรัฐและสวัสดิการของประชาชน และถึงแม้ว่า
นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง, ยกย้าย หรือปลดตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ, รองหัวหน้าองค์การเทียบเท่ากระทรวง, หัวหน้าทบวง, รองเจ้าแขวง, รองเจ้าครองนคร, เลี่อนชั้น หรือปลดชั้นพันเอก ของกองกำลังป้องกันชาติ-ป้องกันความสงบ และตำแหน่งอื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
เสรีภาพและสิทธิของพลเมืองจะถูกจำกัด แต่เสรีภาพและสิทธิขั้นพื้นฐานจะต้องไม่ถูกละเมิด
บรรดารองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยงานนายกรัฐมนตรี และรับผิดชอบงานใดหนึ่งตามการมอบหมายของนายกรัฐมนตรี. เมื่อนายกรัฐมนตรีติดขัด นั้นรองนายกรัฐมนตรีผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ว่าการแทน.
 
=== มาตรา 74. ===
 
มาตรา ๓๘ ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการชำระภาษีภายใต้กฎหมายกำหนด
รัฐบาล หรือสมาชิกรัฐบาลท่านใดท่านหนึ่ง อาจจะถูกสภาแห่งชาติพิจารณา และลงมติไม่ไว้วางใจ ถ้าว่าคณะประจำสภาแห่งชาติ หรือมีอย่างน้อยหนึ่งส่วนสี่ของจำนวนสมาชิกสภาแห่งชาติทั้งหมดหากเสนอปัญหานี้ขึ้น.
 
มาตรา ๓๙ (๑) ประชาชนทุกคนมีหน้าที่ในการป้องกันประเทศตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ในระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง ภายหลังที่สภาแห่งชาติ ได้ลงมติไม่ไว้วางใจแล้ว ประธานประเทศมีสิทธิ์เสนอให้สภาแห่งชาติพิจารณาคืนใหม่. การพิจารณาครั้งที่สองต้องห่างจากการพิจารณาครั้งที่หนึ่งสี่สิบแปดชั่วโมง. ถ้าว่า การลงมติครั้งใหม่หากไม่ได้รับความไว้วางใจอีกแล้ว รัฐบาล หรือสมาชิกรัฐบาลท่านนั้น ต้องลาออก.
 
(๒) บุคคลผู้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติจะต้องไม่ได้รับการดูแลที่ไม่เป็นธรรม
== หมวดที่ 8 การปกครองท้องถิ่น ==
 
หมวด ๓
=== มาตรา 75. ===
 
รัฐสภา
สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว แบ่งการปกครองท้องถิ่น ออกเป็นสามขั้นคือ: ขั้นแขวง, ขั้นเมือง และขั้นบ้าน.
 
มาตรา ๔๐ อำนาจนิติบัญญัติเป็นของรัฐสภา
* ขั้นแขวง มีแขวง และนคร.
* ขั้นเมือง มีเมือง และเทศบาล.
* ขั้นบ้าน มีบ้าน.
 
มาตรา ๔๑ (๑) รัฐสภาประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งผ่านการลงคะแนนโดยทั่วไปโดยตรง
แขวง มีเจ้าแขวง, นคร มีเจ้าครองนคร, เมือง มีเจ้าเมือง, เทศบาล มีหัวหน้าเทศบาล, บ้านมีนายบ้าน.
 
โดยเสมอภาค โดยไม่เปิดเผยของประชาชน
เจ้าแขวง มีรองเจ้าแขวง, เจ้าครองนคร มีรองเจ้าครองนคร, เจ้าเมือง มีรองเจ้าเมือง, หัวหน้าเทศบาล มีรองหัวหน้าเทศบาล, นายบ้าน มีรองนายบ้าน เป็นผู้ช่วยงาน.
 
(๒) จำนวนสมาชิกรัฐสภาได้กำหนดไว้ในกฎหมาย โดยมีจำนวน ๒๐๐ คน ขึ้นไป
ในกรณีที่จำเป็น อาจจะต้องสร้างตั้งเขตพิเศษขึ้นตามการตกลงของสภาแห่งชาติ. เขตพิเศษมีฐานะเทียบเท่ากับแขวง.
 
(๓) รายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาแบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง และแบบ
=== มาตรา 76. ===
 
ระบบสัดส่วนให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
เจ้าแขวง, เจ้าครองนคร, เจ้าเมืองมีสิทธิ์ และหน้าที่รวมดังนี้:
 
มาตรา ๔๒ สมาชิกรัฐสภาจะอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี
# รับประกันการปฏิบัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย, จัดตั้งปฏิบัติทุกมติคำสั่งที่ขั้นสูงวางออกอย่างเข้มงวด.
# ชี้นำ และตรวจตราการเคลื่อนไหว ของทุกแขนงการ, ทุกขั้นที่ขึ้นกับขอบเขตความรับผิดชอบของตน.
# งดการปฏิบัติ, ลบล้าง หรือยกเลิกข้อตกลงของทุกแขนงการ ที่อยู่ขั้นของตน หรือขั้นล่างที่ขัดกับระเบียบกฎหมาย.
# คุ้มครองพลเมือง, พิจารณา และแก้ไขคำร้องทุกข์ และคำเสนอของประชาชน อยู่ในขอบเขตสิทธิ์อำนาจของตน ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
# ปฏิบัติสิทธิ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
มาตรา ๔๓ สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ในระหว่างที่อยู่ในวาระการดำรงตำแหน่ง
=== มาตรา 77. ===
 
มาตรา ๔๔ (๑) ในระหว่างสมัยประชุม สมาชิกรัฐสภาจะต้องไม่ถูกจับกุมหรือถูกควบคุมตัว โดยปราศจาก
หัวหน้าเทศบาลมีสิทธิ์ และหน้าที่ในการวางแผนการ, จัดตั้งปฏิบัติ และคุ้มครองการพัฒนาตัวเมือง, บริการสาธารณะให้ทั่วถึง, มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย, สะอาด และสวยงาม ในขอบเขตตัวเมืองตามที่ได้กำหนดไว้ในผังเมือง, ปฏิบัติสิทธิ์ และหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ในระเบียบกฎหมาย.
 
ความยินยอมของรัฐสภา เว้นแต่กรณีที่เป็นความผิดซึ่งหน้า
=== มาตรา 78. ===
 
(๒) ในกรณีที่สมาชิกรัฐสภาถูกจับกุมหรือถูกควบคุมตัวก่อนเปิดสมัยประชุม สมาชิกรัฐสภาผู้นั้น
นายบ้านมีความรับผิดชอบ จัดตั้งปฏิบัติระเบียบกฎหมาย และมติคำสั่งของรัฐ, ปกปักรักษาความสงบ, ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้าน และพัฒนาบ้านให้มีความหนักแน่นในทุกด้าน.
 
จะต้องได้รับการปล่อยตัวในระหว่างสมัยประชุมตามการร้องขอของรัฐสภา เว้นแต่กรณีที่เป็นความผิดซึ่งหน้า
== หมวดที่ 9 ศาลประชาชน และองค์การอัยการประชาชน ==
 
มาตรา ๔๕ เมื่ออยู่นอกเขตรัฐสภาสมาชิกรัฐสภาไม่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็น
=== มาตรา 79. ===
 
ตามหน้าที่ หรือการลงคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการที่กระทำภายในรัฐสภา
ศาลประชาชนเป็นองค์การพิพากษาของรัฐ ซึ่งประกอบด้วย:
* ศาลประชาชนสูงสุด.
* ศาลอุทธรณ์.
* ศาลประชาชนแขวง, นคร.
* ศาลประชาชนเมือง.
* ศาลทหาร.
ในกรณีที่จำเป็น อาจจะสร้างตั้งศาลเฉพาะตามแขนงการขึ้นก็ได้ โดยการตกลงของคณะประจำสภาแห่งชาติ.
 
มาตรา ๔๖ (๑) สมาชิกรัฐสภาต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
=== มาตรา 80. ===
 
(๒) สมาชิกรัฐสภาต้องนึกถึงผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ และจะต้องปฏิบัติหน้าที่
ศาลประชาชนสูงสุดเป็นองค์การพิพากษาสูงสุดของรัฐ.
 
ให้สอดคล้องตามหลักมโนธรรม
ศาลประชาชนสูงสุด คุ้มครองด้านบริหาร ต่อศาลประชาชนทุกขั้น, ศาลทหาร และตรวจตราคำตัดสินของศาลดังกล่าว.
 
(๓) สมาชิกรัฐสภาจะต้องไม่กระทำการโดยใช้ตำแหน่ง สิทธิ และแสวงหาผลประโยชน์
=== มาตรา 81. ===
 
ในทรัพย์สิน หรือในตำแหน่งโดยมิชอบ หรือการช่วยให้ผู้อื่นได้มาซึ่งผลประโยชน์ในแบบเดียวกัน โดยอาศัย
รองประธานศาลประชาชนสูงสุด นั้นประธานประเทศเป็นผู้แต่งตั้ง หรือปลดตำแหน่ง ตามการเสนอของประธานศาลประชาชนสูงสุด.
 
วิธีการทำสัญญากับหรือการควบคุมรัฐ องค์กรภาครัฐหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆ
บรรดาผู้พิพากษาของศาลประชาชนสูงสุด, ประธาน, รองประธาน, บรรดาผู้พิพากษาของศาลอุทธรณ์, ประธาน และรองประธาน และบรรดาผู้พิพากษา ของศาลประชาชนแขวง, นคร, เมือง, หัวหน้า, รองหัวหน้า และบันดาผู้พิพากษาของศาลทหาร นั้นคณะประจำสภาแห่งชาติเป็นผู้แต่งตั้ง, ยกย้าย หรือปลดตำแหน่ง ตามการเสนอของประธานศาลประชาชนสูงสุด.
 
=== มาตรา 82. ===
 
มาตรา ๔๗ (๑) การประชุมรัฐสภาสมัยสามัญถูกจัดให้มีขึ้นปีละ ๑ ครั้ง ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
ศาลประชาชนพิจารณาตัดสินเป็นหมู่คณะ. ในเวลาพิจารณาตัดสิน ผู้พิพากษาต้องเป็นเอกราช และมีแต่ปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น.
 
และการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญจะมีขึ้นตามการร้องขอของประธานาธิบดี หรือสมาชิกรัฐสภาจำนวน ๑ ใน ๔ ขึ้นไป
=== มาตรา 83. ===
 
ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด
การไต่สวนคดีในที่ประชุมศาล ต้องดำเนินอย่างเปิดเผย เว้นเสียแต่กรณีที่ได้กำนหดไว้ในกฎหมาย. ผู้ต้องหามีสิทธิ์ต่อสู้คดีที่ตนถูกกล่าวฟ้อง, ทนายความมีสิทธิ์ช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ผู้ถูกกล่าวฟ้อง.
 
(๒) สมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสมัยๆ หนึ่ง มีกำหนดเวลา ๑๐๐ วัน และสมัยประชุมวิสามัญ
=== มาตรา 84. ===
 
มีกำหนดเวลาไม่เกิน ๓๐ วัน
ผู้แทนบรรดาองค์การจัดตั้งสังคม มีสิทธิ์เข้าร่วมในการดำเนินคดีอยู่ศาล ตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมาย.
 
(๓) หากประธานาธิบดีเรียกร้องให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ จะต้องระบุช่วงเวลาในการประชุม
=== มาตรา 85. ===
 
และเหตุผลในการขอเรียกประชุมให้ชัดเจน
คำตัดสินของศาลประชาชนที่ใช้ได้อย่างเด็ดขาดแล้วนั้น ทุกองค์การจัดตั้งพรรค, องค์การจัดตั้งรัฐ, แนวลาวสร้างชาติ, องค์การจัดตั้งมหาชน, องค์การจัดตั้งสังคม และพลเมืองทุกคนต้องเคารพ, บุคคล และองค์การจัดตั้งที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติอย่างเข้มงวด.
 
มาตรา ๔๘ รัฐสภาเลือกประธานรัฐสภาได้ จำนวน ๑ คน และรองประธานรัฐสภา จำนวน ๒ คน
=== มาตรา 86. ===
 
มาตรา ๔๙ ในกรณีที่นอกเหนือจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายที่มิได้กำหนดไว้
องค์การอัยการประชาชนเป็นองค์กรติดตามตรวจตราการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วย:
* องค์การอัยการประชาชนสูงสุด.
* องค์การอัยการประชาชนขั้นอุทธรณ์.
* องค์การอัยการประชาชนแขวง, นคร.
* องค์การอัยการประชาชนเมือง.
* องค์การอัยการทหาร.
 
ให้รัฐสภาผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด และสมาชิก
องค์การอัยการประชาชนมีสิทธิ์ และหน้าที่ดังนี้:
# ติดตามตรวจตราการเคารพ ระเบียบกฎหมายอย่างถูกต้อง และเป็นเอกภาพอยู่ในทุกกระทรวง, องค์การเทียบเท่ากระทรวง, องค์การที่ขึ้นกับรัฐบาล, แนวลาวสร้างชาติ, องค์การจัดตั้งมหาชน, องค์การจัดตั้งสังคม, องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น, วิสาหกิจ, รัฐกร และพลเมือง.
# ปฏิบัติสิทธิ์กล่าวฟ้อง.
 
ที่เข้าร่วมประชุมลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงเกินครึ่ง และข้อเสนอนั้นเป็นอันตกไป หากมีคะแนนเสียง
=== มาตรา 87. ===
 
จำนวนเท่ากัน
อัยการประชาชนสูงสุดชี้นำการเคลื่อนไหว ขององค์การอัยการประชาชนทุกขั้น.
 
มาตรา ๕๐ (๑) การประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมแบบเปิดเผย เว้นแต่ในกรณีที่จำนวนสมาชิก
รองอัยการประชาชนสูงสุดนั้นประธานประเทศเป็นผู้แต่งตั้ง หรือปลดตำแหน่งตามการเสนอของอัยการประชาชนสูงสุด.
 
ที่เข้าร่วมประชุมลงมติเห็นชอบมีคะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่ง หรือในกรณีที่ประธานรัฐสภาเห็นว่าจำเป็น
อัยการประชาชน และรองอัยการประชาชนขั้นอุทธรณ์, แขวง, นคร, เมือง, อัยการทหารนั้นอัยการประชาชนสูงสุด เป็นผู้แต่งตั้ง, ยกย้าย หรือปลดตำแหน่ง.
 
เพื่อความปลอดภัยของประเทศ การประชุมนั้นจะไม่สามารถดำเนินการแบบเปิดเผยได้
=== มาตรา 88. ===
 
(๒) ในส่วนของการเผยแพร่รายละเอียดของการประชุมที่ไม่เป็นที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ
ในเวลาปฏิบัติหน้าที่ของตนนั้น อัยการประชาชนมีแต่ปฏิบัติตามกฎหมาย และคำสั่งของอัยการประชาชนสูงสุดเท่านั้น.
 
ให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
== หมวดที่ 10 ภาษา, อักษร, เครื่องหมายชาติ, ธงชาติ, เพลงชาติ, วันชาติ, สกุลเงิน และนครหลวง ==
 
มาตรา ๕๑ ร่างกฎหมาย หรือข้อเสนออื่นที่ได้รับการเสนอไปยังรัฐสภาจะไม่ถูกเพิกถอน ด้วยเหตุผลว่า
=== มาตรา 89. ===
 
ร่างกฎหมายหรือข้อเสนอนั้นไม่สามารถลงมติในระหว่างสมัยประชุม เว้นแต่ในกรณีที่วาระการดำรงตำแหน่ง
[[w:ภาษาลาว|ภาษา]]และ[[w:อักษรลาว|อักษรลาว]]เป็นภาษาและอักษรที่ใช้เป็นทางการ.
 
ของสมาชิกรัฐสภาสิ้นสุดลง
=== มาตรา 90. ===
 
มาตรา ๕๒ สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลสามารถเสนอร่างกฎหมายได้
[[w:ตราแผ่นดินของลาว|เครื่องหมายชาติของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว]]คือรูปวงกลม ด้านล่างมีรูปครึ่งกงจักรเป็นฟันเฟืองและโบว์อักษร "สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว" สองข้างล้อมด้วยรวงข้าวสุกเป็นรูปวงพระจันทร์และโบว์สีแดงเขียนอักษร "สันติภาพ เอกราช ประชาธิปไตย เอกภาพ วัฒนาถาวร", ระหว่างกลางของสองปลายรวงข้าวมีรูปพระธาตุหลวง, อยู่กลางรูปวงกลมมีหนทาง, ทุ่งนา, ป่าไม้ และเขื่อนไฟฟ้าน้ำตก.
 
มาตรา ๕๓ (๑) ร่างกฎหมายที่ผ่านการลงมติจากรัฐสภาจะถูกส่งไปยังรัฐบาล และประธานาธิบดี
=== มาตรา 91. ===
 
จะประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวภายใน ๑๕ วัน
[[w:ธงชาติลาว|ธงชาติของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว]] คือธงพื้นสีคราม, แถบแดง และวงเดือนสีขาวอยู่กึ่งกลางของธงชาติ. ความกว้างของธงเท่ากับสองส่วนสามของความยาว, ความกว้างขอบแถบสีแดงแต่ละข้างเท่ากับกึ่งหนึ่งของแถบสีคราม และวงเดือนสีขาวกว้างเท่ากับสี่ส่วนห้าของความกว้างแถบสีคราม.
 
(๒) ในกรณีที่มีผู้คัดค้านร่างกฎหมาย ประธานาธิบดีจะตีกลับร่างกฎหมายดังกล่าว
=== มาตรา 92. ===
 
พร้อมแนบหนังสือแสดงการคัดค้านร่างกฎหมายไปยังรัฐสภา ภายในระยะที่กำหนดไว้ใน (๑) และร้องขอให้
เพลงชาติของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวคือเพลงที่มีชื่อว่า [[w:เพลงชาติลาว|"ชาติลาว"]].
 
ทำการพิจารณาใหม่อีกครั้ง และจะดำเนินการแบบเดียวกันนี้ในระหว่างปิดสมัยประชุมด้วยเช่นกัน
=== มาตรา 93.. ===
 
(๓) ประธานาธิบดีไม่สามารถแก้ไขร่างกฎหมาย แล้วร้องขอให้ทำการพิจารณาร่างกฎหมาย
วันชาติของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ได้แก่วันสถาปนาสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว คือ: วันที่ 2 เดือนธันวาคม ปี 1975.
 
นั้นใหม่อีกครั้งได้
=== มาตรา 94. ===
 
๑๐
สกุลเงินของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวคือ[[w:กีบ (สกุลเงิน)|เงินกีบ]].
 
(๔) รัฐสภาจะพิจารณาร่างกฎหมายใหม่อีกครั้งในกรณีที่มีการร้อง โดยรัฐสภาต้องผ่านความ
=== มาตรา 95. ===
 
เห็นชอบให้มีการพิจารณาด้วยคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด และการผ่าน
 
ร่างกฎหมายด้วยคะแนนไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกทั้งหมด
 
(๕) ในกรณีที่ประธานาธิบดีไม่ประกาศใช้กฎหมาย หรือไม่ร้องขอรัฐสภาให้ทำการพิจารณา
 
ร่างกฎหมายใหม่ภายในเวลาตาม (๑) ร่างกฎหมายนั้นจะเป็นกฎหมายโดยสมบูรณ์
 
(๖) ประธานาธิบดีต้องประกาศใช้กฎหมายที่ได้รับการรับรองตาม (๑) และ (๕) โดยไม่ชักช้า
 
และหากประธานาธิบดีไม่ประกาศใช้กฎหมายภายในห้าวันภายหลังจากที่ร่างกฎหมายนั้นได้รับการรับรอง
 
เป็นกฎหมายแล้วตาม (๕) หรือภายหลังที่ร่างกฎหมายนั้นถูกตีกลับไปยังรัฐบาลตาม (๔) ประธานรัฐสภา
 
จะประกาศใช้กฎหมายนั้นเอง
 
(๗) กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ๒๐ วัน นับจากวันที่ประกาศ
 
มาตรา ๕๔ (๑) รัฐสภาทำหน้าที่พิจารณาและกำหนดร่างงบประมาณของประเทศ
 
(๒) รัฐบาลจะจัดทำร่างงบประมาณประจำปีงบประมาณ และนำเสนอให้รัฐสภาภายใน ๙๐ วัน
 
ก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่ รัฐสภาต้องผ่านร่างงบประมาณดังกล่าวภายใน ๓๐ วัน ก่อนเริ่ม ปีงบประมาณใหม่
 
(๓) ในกรณีที่ไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณก่อนเริ่มปีงบประมาณใหม่ได้ รัฐบาลจะต้อง
 
จัดสรรงบประมาณของปีที่ผ่านมาไว้เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ จนกว่ารัฐสภา
 
จะผ่านร่างงบประมาณ
 
๑. การรักษาและการดำเนินการของหน่วยงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดตั้งไว้
 
โดยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
 
๒. การดำเนินการเบิกจ่ายตามกฎหมาย
 
๓. ความต่อเนื่องของโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย
 
มาตรา ๕๕ (๑) ในกรณีที่จะต้องทำการเบิกจ่ายอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่าหนึ่งปีงบประมาณ
 
รัฐบาลจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาในการระบุช่วงเวลารายจ่ายผูกพัน
 
(๒) เงินทุนสำรองจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาทั้งหมด การเบิกจ่ายเงินทุนสำรอง
 
จะต้องได้รับการอนุมัติในระหว่างการประชุมรัฐสภาสมัยต่อไป
 
มาตรา ๕๖ ในกรณีที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องแก้ไขงบประมาณเพิ่มเติม รัฐบาลจะต้องจัดทำ
 
ร่างงบประมาณเพิ่มเติมแล้วเสนอต่อรัฐสภา
 
มาตรา ๕๗ รัฐสภาจะเพิ่มรายการค่าใช้จ่าย หรือสร้างรายการค่าใช้จ่ายอื่นที่นอกเหนือจากงบประมาณ
 
ที่รัฐบาลเสนอโดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลไม่ได้
 
๑๑
 
มาตรา ๕๘ ในกรณีที่รัฐบาลมีแผนที่จะออกพันธบัตรรัฐบาล หรือลงนามในสัญญาที่จะก่อให้รัฐ
 
เกิดภาระผูกพันทางการเงินนอกงบประมาณ รัฐบาลจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน
 
มาตรา ๕๙ ประเภทและอัตราของภาษีให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๖๐ (๑) รัฐสภามีสิทธิในการให้ความเห็นชอบในการลงนามและให้สัตยาบันในสนธิสัญญา
 
เกี่ยวกับความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หรือความมั่นคงร่วมกัน สนธิสัญญาเกี่ยวกับองค์กรระหว่างประเทศที่สำคัญ
 
สนธิสัญญาทางไมตรี การค้า และการเดินเรือ สนธิสัญญาเกี่ยวกับข้อจำกัดทางอำนาจอธิปไตย สนธิสัญญาสันติภาพ
 
สนธิสัญญาซึ่งจะเป็นภาระผูกพันทางการเงินที่สำคัญทั้งต่อรัฐและประชาชน หรือสนธิสัญญาที่เกี่ยวกับ
 
การบัญญัติกฎหมาย
 
(๒) รัฐสภามีสิทธิในการให้ความเห็นชอบในการประกาศสงคราม การจัดส่งกองกำลังทหาร
 
ไปยังต่างประเทศ หรือการประจำกองกำลังต่างชาติในอาณาธิปไตยของสาธารณรัฐเกาหลี
 
มาตรา ๖๑ (๑) รัฐสภาสามารถตรวจสอบการบริหารประเทศ หรือพิจารณาสืบสวนเกี่ยวกับการ
 
บริหารประเทศในเรื่องที่เฉพาะเจาะจง และสามารถร้องขอให้ส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องหรือเรียกพบพยาน
 
และสามารถร้องขอคำให้การของพยาน หรือการให้ความเห็นได้
 
(๒) กระบวนการ และขั้นตอนที่จำเป็นอื่นๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบ และการสืบสวน
 
การบริหารประเทศให้เป็นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
 
มาตรา ๖๒ (๑) นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือคณะรัฐบาลสามารถเข้าร่วมการประชุมรัฐสภา หรือการประชุม
 
คณะกรรมาธิการ และรายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการประเทศ หรือแสดงความเห็นและตอบข้อซักถามได้
 
(๒) ในกรณีที่รัฐสภา หรือคณะกรรมาธิการของรัฐสภามีข้อซักถาม นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี
 
หรือคณะรัฐบาลจะต้องเข้าร่วมประชุมรัฐสภา และตอบข้อซักถาม ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีได้รับการ
 
ร้องขอให้เข้าร่วมการประชุมรัฐสภา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมการประชุมรัฐสภาและตอบ
 
ข้อซักถามนั้น
 
มาตรา ๖๓ (๑) รัฐสภาสามารถเสนอความเห็นเกี่ยวกับการถอดถอนนายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี
 
ออกจากตำแหน่งได้
 
(๒) การเสนอถอดถอนตาม (๑) จะต้องถูกเสนอด้วยจำนวนสมาชิกหนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมด
 
และจะต้องมีสมาชิกรัฐสภาเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดให้ความเห็นชอบ
 
๑๒
 
มาตรา ๖๔ (๑) รัฐสภากำหนดกฎข้อบังคับเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาและกฎระเบียบภายในที่ไม่ขัด
 
ต่อกฎหมาย
 
(๒) รัฐสภาสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ และลงโทษสมาชิกได้
 
(๓) หากต้องการถอดถอนสมาชิกรัฐสภาออกจากตำแหน่ง ต้องได้รับความเห็นชอบจาก
 
สมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด
 
(๔) ในส่วนของการดำเนินการตาม (๒) และ (๓) ไม่สามารถฟ้องร้องต่อศาลได้
 
มาตรา ๖๕ (๑) ในกรณีที่ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ตุลาการ
 
ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษา คณะกรรมการการเลือกตั้งกลาง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการ และเจ้าหน้าที่
 
ของรัฐ ตามที่กฎหมายบัญญัติกระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายในการปฏิบัติงาน รัฐสภาสามารถลงมติ
 
เพื่อดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่งได้
 
(๒) การดำเนินการถอดถอนใน (๑) จะทำได้ต่อเมื่อมีสมาชิกจำนวน ๑ ใน ๓ ยื่นเสนอถอดถอน
 
และสมาชิกรัฐสภาจำนวนเกินครึ่งหนึ่งต้องลงมติเห็นชอบให้ทำการถอดถอน ในส่วนของการยื่นถอดถอน
 
ประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง จะต้องมีสมาชิกรัฐสภาจำนวนเกินกึ่งหนึ่งยื่นเสนอถอดถอน และสมาชิก
 
รัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของสมาชิกทั้งหมดลงมติเห็นชอบให้ถอดถอน
 
(๓) บุคคลผู้ที่ได้รับการลงมติให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง การใช้อำนาจในตำแหน่ง
 
ของบุคคลผู้นั้นจะหยุดชะงักลงจนกว่าการยื่นถอดถอนจะได้รับการพิพากษาตัดสิน
 
(๔) การพิจารณาถอดถอนจะไม่ขยายผลไปมากกว่าการตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง แต่จะ
 
ไม่ได้รับการยกเว้นให้ได้รับความผิดทางแพ่งและทางอาญา
 
หมวด ๔
 
ส่วนที่ ๑ ประธานาธิบดี
 
มาตรา ๖๖ (๑) ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และเป็นผู้แทนของรัฐในการติดต่อกับต่างประเทศ
 
(๒) ประธานาธิบดี มีหน้าที่พิทักษ์เอกราช บูรณภาพแห่งดินแดนและการสืบเนื่องของรัฐ
 
และของรัฐธรรมนูญ
 
(๓) ประธานาธิบดีทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เพื่อรวมมาตุภูมิโดยสันติวิธี
 
(๔) อำนาจบริหารมีประธานาธิบดีเป็นผู้นำรัฐบาล
 
มาตรา ๖๗ (๑) ประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป
 
อย่างมีความเท่าเทียม และเป็นการลงคะแนนแบบลับ
 
(๒) การเลือกตั้งใน (๑) ถ้ามีผู้ได้รับคะแนนเสียงเท่ากัน จำนวน ๒ คนขึ้นไป ให้ที่ประชุม
 
รัฐสภาลงมติเลือกโดยต้องมีสมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด และต้องเป็น
 
การประชุมแบบเปิดเผย ซึ่งผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี
 
๑๓
 
(๓) กรณีที่มีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงคนเดียว จำเป็นต้องได้รับคะแนนเสียง
 
มากว่า ๑ ใน ๓ ของจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด จึงจะถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี
 
(๔) ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา
 
และต้องมีอายุเกินกว่า ๔๐ ปีขึ้นไป นับจากวันเลือกตั้ง
 
(๕) เรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีให้ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๖๘ (๑) เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะสิ้นสุดลง ให้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี
 
คนต่อไปล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๔๐ วัน ของระยะเวลาภายใน ๗๐ วัน ก่อนสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง
 
(๒) เมื่อตำแหน่งประธานาธิบดีว่างลงหรือประธานาธิบดีเสียชีวิตลงหรือถูกศาลพิพากษา
 
จนเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ภายใน ๖๐ วัน
 
มาตรา ๖๙ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสาบานตนด้วยถ้อยคำว่า “ข้าพเจ้าขอสาบานตน
 
ต่อหน้าประชาชนว่า ข้าพเจ้าจะปฏิบัติหน้าที่ของประธานาธิบดีด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ตามบทบัญญัติ
 
ในรัฐธรรมนูญ พิทักษ์รัฐ พยายามส่งเสริมวัฒนธรรมชาติพันธุ์ ส่งเสริมผลประโยชน์และเสรีภาพประชาชน
 
และร่วมมาตุภูมิโดยสันติวิธี
 
มาตรา ๗๐ ประธานาธิบดี มีวาระการดำรงตำแหน่ง ๕ ปี เพียงหนึ่งสมัยเท่านั้น
 
มาตรา ๗๑ เมื่อตำแหน่งประธานาธิบดีว่างลงหรือประธานาธิบดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ นายกรัฐมนตรี
 
หรือคณะรัฐมนตรีตามลำดับตำแหน่งที่กำหนดไว้ในกฎหมายเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งประธานาธิบดี
 
มาตรา ๗๒ ประธานาธิบดี อาจเสนอนโยบายสำคัญของรัฐที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ อาทิ
 
การต่างประเทศ การป้องกันประเทศ และการรวมมาตุภูมิ หรือเรื่องอื่นใดหากประธานาธิบดีเห็นเป็นการสมควร
 
โดยให้ประชาชนออกเสียงประชามติ
 
มาตรา ๗๓ ประธานาธิบดี มีอำนาจทำสนธิสัญญา ข้อตกลง และให้สัตยาบัน แต่งตั้ง รับมอบ และ
 
ส่งผู้แทนทางการทูต หรือประกาศสงคราม
 
มาตรา ๗๔ (๑) ประธานาธิบดี เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพแห่งรัฐ ตามบทบัญญัติของ
 
รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
 
(๒) การกำหนดและการจัดตั้งกองทัพแห่งรัฐให้เป็นไปตามกฎหมาย
 
มาตรา ๗๕ ประธานาธิบดี มีอำนาจตรากฤษฎีกาของประธานาธิบดีในเรื่องที่อยู่ภายใต้ขอบเขต
 
ที่กฎหมายกำหนดไว้ และเป็นเรื่องที่จำเป็นในการรักษาการให้เป็นไปตามกฎหมาย
 
๑๔
 
มาตรา ๗๖ (๑) ในกรณีที่เกิดภยันตรายอย่างร้ายแรงภายในหรือภายนอกประเทศ หรือวิกฤตการณ์
 
ทางการเงิน การคลัง หรือเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยหรือผลประโยชน์สาธารณะ
 
ที่อาจได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการโดยเร่งด่วนและไม่อาจรอคอยเวลาเพื่อนำเรื่อง
 
เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาให้พิจารณาได้ ประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะดำเนินมาตรการฉุกเฉินที่จำเป็นทั้งปวงในการ
 
จัดการเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง หรือเรื่องอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนนั้น
 
(๒) ในกรณีที่เกิดภาวะสงครามที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ และ
 
ไม่สามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ ประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะดำเนินมาตรการฉุกเฉินได้
 
(๓) เมื่อได้มีการดำเนินการไปตาม (๑) และ (๒) ให้รายงานเรื่องนั้นต่อรัฐสภา โดยมิชักช้า
 
และรัฐสภาต้องผ่านความเห็นชอบ
 
(๔) ถ้ารัฐสภาไม่ผ่านความเห็นชอบของการดำเนินการ (๓) ให้ประธานาธิบดียุติการดำเนิน
 
มาตรการฉุกเฉินนั้นทันที เมื่อเหตุที่ทำให้ต้องใช้มาตรการฉุกเฉินนั้นหมดสิ้นไป
 
(๕) ประธานาธิบดี ต้องประกาศเหตุแห่งการดำเนินการตาม (๓) และ (๔) โดยมิชักช้า
 
มาตรา ๗๗ (๑) ในยามสงคราม เกิดภัยพิบัติ หรือเหตุฉุกเฉินที่มีลักษณะเดียวกันและมีความจำเป็น
 
ต้องใช้กำลังทหาร หรือมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงให้เกิดขึ้นภายในประเทศ
 
ประธานาธิบดีมีอำนาจที่จะประกาศภาวะฉุกเฉินตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
 
(๒) ภาวะฉุกเฉินอาจเป็นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือกฎอัยการศึก
 
(๓) เมื่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินให้ใช้อำนาจกระทำการได้ตามที่กฎหมายกำหนด
 
ที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการเสนอข่าว เสรีภาพในการพิมพ์ เสรีภาพในการประชุม เสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม
 
หรือสามารถใช้มาตรการพิเศษเกี่ยวกับสิทธิ อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายตุลาการได้
 
(๔) เมื่อได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประธานาธิบดีต้องแจ้งให้รัฐสภาทราบโดยมิชักช้า
 
(๕) หากที่ประชุมรัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด ให้ยกเลิก
 
การประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น ประธานาธิบดีต้องประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินนั้นโดยมิชักช้า
 
มาตรา ๗๘ ประธานาธิบดี มีอำนาจแต่งตั้งหรือถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
 
และกฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๗๙ (๑) ประธานาธิบดี มีอำนาจอภัยโทษทั้งการปล่อยตัว ลดโทษ หรือคืนสิทธิที่สูญเสียไป
 
อันเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๒) การนิรโทษกรรมต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
 
(๓) วิธีดำเนินการเกี่ยวกับการให้อภัยโทษ ลดโทษ และคืนสิทธิที่สูญเสียไปนั้น ให้กำหนด
 
ไว้ในกฎหมาย
 
๑๕
 
มาตรา ๘๐ ประธานาธิบดี เป็นผู้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์และเครื่องหมายแห่งเกียรติยศตามบทบัญญัติ
 
แห่งกฎหมาย
 
มาตรา ๘๑ ประธานาธิบดี มีสิทธิเข้าร่วมประชุมและแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา หรือส่งสาส์นไปยัง
 
รัฐสภาได้
 
มาตรา ๘๒ การบริหารงานภาครัฐของประธานาธิบดีตามกฎหมาย จำต้องทำเป็นหนังสือและนายกรัฐมนตรี
 
และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงนามรับรอง ในกิจการทหารให้ถือปฏิบัติด้วยวิธีการเช่นเดียวกัน
 
มาตรา ๘๓ ประธานาธิบดี ไม่สามารถดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไปนี้ ในขณะเดียวกันได้ เช่น นายกรัฐมนตรี
 
รัฐมนตรีและหัวหน้าองค์กรของรัฐ เป็นต้น ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
 
มาตรา ๘๔ ประธานาธิบดี จะถูกฟ้องร้องในคดีอาญาในระหว่างดำรงตำแหน่งมิได้ เว้นแต่ได้กระทำ
 
ความผิดฐานกบฏหรือขายชาติ
 
มาตรา ๘๕ อดีตประธานาธิบดี คงไว้ซึ่งสถานะแห่งความเคารพตามที่กฎหมายกำหนด
 
ส่วนที่ ๒ ฝ่ายบริหาร
 
ตอน ๑ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี
 
มาตรา ๘๖ (๑) นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและผ่านความเห็นชอบจาก
 
รัฐสภา
 
(๒) นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ช่วยเหลือประธานาธิบดี และควบคุมการบริหารงานของฝ่ายบริหาร
 
ตามคำสั่งของประธานาธิบดี
 
(๓) การแต่งตั้งทหารเป็นนายกรัฐมนตรีจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นทหาร
 
ประจำการแล้ว
 
มาตรา ๘๗ (๑) ประธานาธิบดีแต่งตั้งรัฐมนตรีตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
 
(๒) รัฐมนตรีมีหน้าที่ช่วยเหลือประธานาธิบดีในการบริหารงานของรัฐ และในฐานะรัฐมนตรี
 
ในคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่พิจารณาการบริหารงานของรัฐ
 
(๓) นายกรัฐมนตรีอาจเสนอแนะให้ประธานาธิบดีถอดถอนรัฐมนตรีให้พ้นจากตำแหน่งได้
 
(๔) การแต่งตั้งทหารเป็นรัฐมนตรีจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นทหารประจำการแล้ว
 
๑๖
 
ตอน ๒ คณะรัฐมนตรี
 
มาตรา ๘๘ (๑) คณะรัฐมนตรีทำหน้าที่พิจารณานโยบายอันสำคัญที่อยู่ในขอบเขตอำนาจฝ่ายบริหาร
 
(๒) คณะรัฐมนตรีประกอบด้วย ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่น ซึ่งต้องมี
 
จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๕ คน และไม่เกิน ๓๐ คน
 
(๓) ประธานาธิบดี เป็นประธานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธาน
 
มาตรา ๘๙ คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่พิจารณากิจการ ต่อไปนี้
 
๑. แผนงานหลักเกี่ยวกับกิจการของรัฐ และนโยบายทั่วไปของรัฐบาล
 
๒. การประกาศสงคราม การลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ และเรื่องอื่นใดที่สำคัญ
 
เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ
 
๓. ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ญัตติในการออกเสียงประชามติ ร่างสนธิสัญญา ร่างกฎหมาย
 
และร่างกฤษฎีกาของประธานาธิบดี
 
๔. ร่างงบประมาณ รายงานการเงินของประเทศ แผนงานหลักในการบริหารจัดการ
 
ทรัพย์สินของรัฐ สนธิสัญญาที่ผูกพันด้านการเงินของรัฐ และเรื่องอื่นใดที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการเงิน
 
๕. การประกาศและการยกเลิกมาตรการฉุกเฉินของประธานาธิบดี
 
๖. กิจการทหารที่สำคัญ
 
๗. การร้องขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ
 
๘. การให้เครื่องอิสริยาภรณ์
 
๙. การให้อภัยโทษ การลดโทษ และการคืนสิทธิ
 
๑๐. เรื่องที่เกี่ยวกับการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกระทรวง
 
๑๑. แผนงานที่เกี่ยวกับการมอบหมายอำนาจ หรือการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล
 
๑๒. การประมวลผลงานและการวิเคราะห์ผลงานของการบริหารประเทศ
 
๑๓. การกำหนดและประสานนโยบายสำคัญของแต่ละกระทรวง
 
๑๔. การดำเนินการเพื่อยุบพรรคการเมือง
 
๑๕. การพิจารณาเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่มีผู้เสนอหรือมีหน่วยงานอื่น
 
ส่งมายังรัฐบาล
 
๑๖. การแต่งตั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพ
 
อธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐ เอกอัครราชทูต และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐและผู้จัดการรัฐวิสาหกิจตามที่กฎหมาย
 
กำหนด
 
๑๗. เรื่องอื่นใดที่ได้เสนอต่อประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี
 
๑๗
 
มาตรา ๙๐ (๑) ให้จัดตั้งคณะมนตรีแห่งชาติขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีในเรื่อง
 
ที่มีความสำคัญของการบริหารประเทศ
 
(๒) ประธานคณะมนตรี คือ อดีตประธานาธิบดี กรณีไม่มีอดีตประธานาธิบดี ให้ประธานาธิบดี
 
คนปัจจุบันทำหน้าที่ประธาน
 
(๓) การจัดหน่วยงาน ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับคณะมนตรีแห่งชาติ
 
ให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๙๑ (๑) ให้จัดตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดี
 
ในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ นโยบายการทหาร และนโยบายภายในประเทศที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
 
ก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
 
(๒) ประธานาธิบดี เป็นประธานที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ
 
(๓) การจัดหน่วยงาน ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ
 
ให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๗๒ (๑) ให้จัดตั้งสภารวมมาตุภูมิตามหลักสันติภาพแบบประชาธิปไตยขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่
 
เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีในการกำหนดนโยบายการรวมมาตุภูมิอย่างสันติวิธี
 
(๒) การจัดหน่วยงาน ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับสภารวมมาตุภูมิ
 
ตามหลักสันติภาพแบบประชาธิปไตยให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๙๓ (๑) ให้จัดตั้งสภาเศรษฐกิจแห่งชาติขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดี
 
ในการกำหนดนโยบายสำคัญ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
 
(๒) การจัดหน่วยงาน ขอบเขตของอำนาจหน้าที่ และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ
 
ให้กำหนดไวในกฎหมาย
 
ตอน ๓ กระทรวง
 
มาตรา ๙๔ ประธานาธิบดี เป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง โดยแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี
 
ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
 
มาตรา ๙๕ นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มีอำนาจหน้าที่ออกประกาศของนายกรัฐมนตรี
 
หรือกฎกระทรวงอันเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
 
มาตรา ๙๖ การจัดตั้ง การจัดหน่วยงานและขอบเขตอัตราอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวงให้กำหนด
 
ไว้ในกฎหมาย
 
๑๘
 
ตอน ๔ คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน
 
มาตรา ๙๗ ให้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจการแผ่นดินขึ้นภายใต้อำนาจของประธานาธิบดี เพื่อทำหน้าที่
 
ตรวจสอบบัญชีรายได้และรายจ่ายประจำปีของรัฐ บัญชีการจ่ายเงินของรัฐและของหน่วยงานอื่นตามที่กฎหมาย
 
กำหนด และตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย
 
มาตรา ๙๘ (๑) คณะกรรมการตรวจการแผ่นดินประกอบด้วยกรรมการไม่น้อยกว่า ๕ คน และไม่เกิน
 
๑๑ คน รวมประธานกรรมการด้วย
 
(๒) ประธานกรรมการได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
 
มีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี และสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ ๒ วาระ
 
(๓) ประธานาธิบดี เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการตรวจการแผ่นดิน ตามคำแนะนำของประธาน
 
มีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี และสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ ๒ วาระ
 
มาตรา ๙๙ คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายได้และรายจ่ายประจำปี
 
และให้เสนอรายงานผลการตรวจสอบต่อประธานาธิบดีและรัฐสภาในปีถัดไป
 
มาตรา ๑๐๐ การจัดหน่วยงาน ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจการแผ่นดินและ
 
คุณสมบัติของกรรมการ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าข่ายต้องดำเนินการตรวจสอบ และเรื่องอื่นใดที่จำเป็นให้กำหนด
 
ไว้ในกฎหมาย
 
หมวด ๕
 
ศาลยุติธรรม
 
มาตรา ๑๐๑ (๑) ศาลที่ประกอบด้วยผู้พิพากษาเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการ
 
(๒) ศาลประกอบด้วย ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของรัฐและศาลอื่นในระดับต่างๆ
 
(๓) ให้กำหนดคุณสมบัติของผู้พิพากษาไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๑๐๒ (๑) ให้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นในศาลฎีกา
 
(๒) ให้มีผู้พิพากษาในศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลอื่น ตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๓) การจัดหน่วยงานในศาลฎีกาและศาลอื่นให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๑๐๓ ผู้พิพากษามีความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาตามมโนธรรมของตน และตาม
 
รัฐธรรมนูญกับกฎหมาย
 
๑๙
 
มาตรา ๑๐๔ (๑) ประธานศาลฎีกา ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
 
(๒) ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ตามคำแนะนำของประธาน
 
ศาลฎีกา โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา
 
(๓) ผู้พิพากษาศาลฎีกา จะได้รับการคัดเลือก โดยประธานศาลฎีกาโดยผ่านความเห็นชอบ
 
จากที่ประชุมผู้พิพากษาศาลฎีกา
 
มาตรา ๑๐๕ (๑) ประธานศาลฎีกา มีวาระอยู่ในตำแหน่งได้ ๖ ปี เพียงหนึ่งสมัย
 
(๒) ผู้พิพากษาศาลฎีกา มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ ๖ ปี และสามารถรับตำแหน่งต่อได้
 
ตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๓) ผู้พิพากษาในศาลอื่น มีวาระอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ ๑๐ ปี และสามารถรับตำแหน่งต่อได้
 
ตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๔) การเกษียณอายุราชการของผู้พิพากษาให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๑๐๖ (๑) การถอดถอนผู้พิพากษา พักงานหรือลดเงินเดือน หรือต้องรับโทษอย่างอื่นมิสามารถ
 
กระทำได้ เว้นแต่ได้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำผิดทางอาญา หรือเป็นการกระทำผิดวินัย
 
(๒) ในกรณีที่ผู้พิพากษาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุผลทางจิตใจหรือร่างกายก็ตาม
 
ให้ผู้พิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
 
มาตรา ๑๐๗ (๑) ในการพิจารณาคดี หากมีกรณีว่ากฎหมายขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น
 
ศาลขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดได้ และศาลต้องตัดสินตามที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด
 
(๒) กรณีที่คำตัดสินของศาลมีการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น
 
ที่เกี่ยวกับคำประกาศ ข้อระเบียบราชการหรือการลงโทษ ให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาตัดสินและให้ถือเป็นที่สิ้นสุด
 
(๓) การตัดสินคดีทางปกครองเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามที่กฎหมายกำหนด
 
โดยยึดตามขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม
 
มาตรา ๑๐๘ ศาลฎีกามีอำนาจกำหนดกระบวนการพิจารณาและวิธีการพิจารณาคดี ตลอดจน
 
ระเบียบข้อบังคับของศาลตามที่กฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๑๐๙ การพิจารณาคดีและคำพิพากษาของศาลจะต้องกระทำโดยเปิดเผย การพิจารณาคดีลับ
 
สามารถกระทำได้ในกรณีที่การพิจารณาคดีนั้นอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
 
หรืออาจเป็นอันตรายต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดี
 
๒๐
 
มาตรา ๑๑๐ (๑) ให้จัดตั้งศาลทหารขึ้นในฐานะเป็นศาลพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่พิจารณาคดีที่เกี่ยวกับทหาร
 
(๒) ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาคดีฎีกาของศาลทหาร และถือว่าคำพิพากษาเป็นที่สุด
 
(๓) การจัดตั้งหน่วยงาน อำนาจหน้าที่ และคุณสมบัติของผู้พิพากษาให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
(๔) เมื่อมีการประกาศกฎอัยการศึก ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีได้เบ็ดเสร็จ
 
ในศาลเดียว ในคดีที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่กลาโหม พลเรือน กระทำผิดทางอาญา คดีที่เกี่ยวกับการจารกรรม
 
ความลับทางทหาร ความผิดทางอาญาใดตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายเกี่ยวกับการยืนยาม ด่านตรวจ การจัดหาอาหาร
 
ที่มีอันตรายและเชลยศึก
 
หมวด ๖
 
ศาลรัฐธรรมนูญ
 
มาตรา ๑๑๑ (๑) ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่พิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
 
๑. การพิพากษาชี้ขาดประเด็นกฎหมายที่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ตามการร้องขอ
 
ของศาลยุติธรรม
 
๒. การพิพากษาเพื่อถอดถอน
 
๓. การพิจารณาตัดสินยุบพรรคการเมือง
 
๔. การพิจารณาตัดสินความขัดแย้งระหว่างองค์กรของรัฐกับองค์กรของรัฐ ระหว่างองค์กรของรัฐกับ
 
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
 
๕. การพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๒) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีจำนวน ๙ คน โดยได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี
 
(๓) การแต่งตั้งผู้พิพากษาตาม (๒) ให้เลือกมาจากที่ประชุมรัฐสภา จำนวน ๓ คน และให้
 
ประธานศาลฎีกาเป็นผู้แต่งตั้ง จำนวน ๓ คน
 
(๔) ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี โดยผ่านความเห็นชอบ
 
จากที่ประชุมรัฐสภา
 
มาตรา ๑๑๒ (๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ ๖ ปี และสามารถ
 
ดำรงตำแหน่งได้อีกตามที่กฎหมายกำหนด
 
(๒) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่สังกัดพรรคการเมืองและไม่มีความเกี่ยวข้อง
 
ทางการเมือง
 
(๓) การถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นจากตำแหน่ง มิสามารถกระทำได้ เว้นแต่
 
ได้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับคดีอาญา
 
๒๑
 
มาตรา ๑๑๓ (๑) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องลงมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๖ เสียง
 
ในการพิพากษาตัดสินคดีหรือประเด็นที่เกี่ยวกับการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ การถอดถอนออก
 
จากตำแหน่ง การยุบพรรคการเมือง และการพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
 
(๒) ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจกำหนดขอบเขตของการพิพากษาตัดสิน กฎ ระเบียบ
 
สำหรับการจัดการและกฎเกณฑ์ภายในของสำนักงานได้
 
(๓) การจัดหน่วยงาน การบริหารงานและเรื่องอื่นใดที่จำเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ
 
ให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
หมวด ๗
 
คณะกรรมการการเลือกตั้ง
 
มาตรา ๑๑๔ (๑) ให้จัดตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการเลือกตั้ง การลงประชามติ
 
ให้เป็นไปอย่างยุติธรรม และกิจการที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง
 
(๒) คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกอบด้วย กรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี
 
จำนวน ๓ คน เลือกมาจากที่ประชุมรัฐสภา จำนวน ๓ คน และได้รับการแต่งตั้งโดยประธานศาลฎีกา จำนวน
 
๓ คน และให้เลือกประธานขึ้นมาจากกรรมการในคณะ
 
(๓) กรรมการการเลือกตั้งมีวาระในการดำรงตำแหน่งคราวละ ๖ ปี
 
(๔) กรรมการการเลือกตั้งจะต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง และไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมือง
 
(๕) การถอดถอนกรรมการการเลือกตั้งให้พ้นจากตำแหน่งมิสามารถกระทำได้ เว้นแต่
 
ได้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับคดีอาญา
 
(๖) คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจกำหนดขอบเขตการจัดการเลือกตั้ง การจัดการ
 
ลงประชามติ การบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวกับกิจการพรรคการเมือง กฎระเบียบสำหรับการจัดการและกฎเกณฑ์
 
ภายในของสำนักงานได้
 
(๗) คณะกรรมการการเลือกตั้งในแต่ละระดับสามารถจัดหน่วยงาน การบริหารงานและ
 
เรื่องอื่นใดที่จำเป็นตามที่กฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๑๑๕ (๑) คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่ละระดับมีอำนาจมอบหมายหรือสั่งการให้องค์กรของ
 
ฝ่ายบริหารดำเนินการจัดทำรายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สถานที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง และสถานที่ใช้สิทธิออกเสียง
 
ประชามติ หรือให้ดำเนินการอย่างอื่นที่มีความจำเป็นตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
(๒) องค์กรฝ่ายบริหารที่ได้รับมอบหมายตาม (๑) จะต้องดำเนินการตามคำสั่งนั้น
 
มาตรา ๑๑๖ (๑) การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กำหนดไว้ในกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการของ
 
คณะกรรมการการเลือกตั้งแต่ละระดับ และต้องให้หลักประกันของโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
 
(๒) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไม่สามารถเรียกเก็บจากพรรคการเมืองหรือ
 
ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ เว้นแต่เป็นเรื่องที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
๒๒
 
หมวด ๘
 
การปกครองส่วนท้องถิ่น
 
มาตรา ๑๑๗ (๑) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ในการบริหารจัดการและรับผิดชอบเกี่ยวกับ
 
สวัสดิการของประชาชนในท้องถิ่น การจัดการทรัพย์สินของท้องถิ่น และการบัญญัติกฎข้อบังคับหรือระเบียบ
 
เกี่ยวกับการปกครองในท้องถิ่นภายในขอบเขตของกฎหมาย
 
(๒) รูปแบบและประเภทของการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
มาตรา ๑๑๘ (๑) ให้มีสภาท้องถิ่นที่อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
 
(๒) การกำหนดโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น การกำหนด
 
วิธีการคัดเลือกประธานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการกำหนดโครงสร้าง อำนาจหน้าที่และเรื่องอื่นที่สำคัญ
 
ให้กำหนดไว้ในกฎหมาย
 
หมวด ๙
 
เศรษฐกิจ
 
มาตรา ๑๑๙ (๑) ระบบเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลี มีรากฐานอยู่บนหลักแห่งการเคารพเสรีภาพ
 
และความคิดสร้างสรรค์ในกิจการทางเศรษฐกิจของธุรกิจและของส่วนบุคคล
 
(๒) รัฐมีอำนาจหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอย่างสมดุลและการ
 
กระจายรายได้อย่างมีเสถียรภาพและเป็นธรรม การป้องกันการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจอย่างเกินขอบเขต
 
และการครอบครองตลาด การกำหนดกฎเกณฑ์และมาตรการอื่นใดที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจตามหลักแห่งความเป็น
 
ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจอย่างมีเอกภาพระหว่างผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจ
 
มาตรา ๑๒๐ (๑) การออกใบอนุญาตให้ทำการสำรวจ ขุดค้นหรือพัฒนา ทรัพยากรธรณีและทรัพยากรทางทะเล
 
พลังน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ สามารถกระทำได้ในระยะเวลาที่กำหนด
 
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
 
(๒) รัฐมีหน้าที่คุ้มครองที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และจัดให้มีแผนการพัฒนา และ
 
การใช้ประโยชน์ของทรัพยากรทั้งหลายอย่างสมดุล
 
มาตรา ๑๒๑ (๑) รัฐมีหน้าที่จัดการให้มีการใช้พื้นที่ทางการเกษตรให้เกิดประโยชน์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
 
การเช่าพื้นที่ทางการเกษตรมิสามารถกระทำได้
 
(๒) การจัดการควบคุมและการเช่าพื้นที่ทางการเกษตรให้กระทำได้ในกรณีจำเป็น
 
เพื่อให้เกิดการใช้สอยพื้นที่ทางการเกษตรที่ชอบด้วยเหตุผลและการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร ตามที่กฎหมาย
 
กำหนด
 
๒๓
 
มาตรา ๑๒๒ รัฐมีอำนาจหน้าที่จัดให้มีการใช้สอย การพัฒนาและการอนุรักษ์ของพื้นที่ในประเทศ
 
อย่างเป็นธรรมและเสมอภาค เพื่อให้บังเกิดผลแก่ประชาชนทั้งปวงและหลักการพื้นฐานแห่งการดำรงชีวิต
 
มาตรา ๑๒๓ (๑) รัฐมีอำนาจหน้าที่ จัดตั้ง ดำเนินการ หรือเรื่องอื่นใดที่จำเป็นในการพัฒนาและ
 
สนับสนุนสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การประมง เพื่อการปกป้องและรักษาไว้ซึ่งการทำเกษตรกรรมและการประมง
 
(๒) รัฐมีหน้าที่บำรุงรักษาพื้นที่เศรษฐกิจของชาติ เพื่อการพัฒนาอย่างเสมอภาคของพื้นที่นั้น
 
(๓) รัฐมีหน้าที่ปกป้อง และบำรุงรักษาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
 
(๔) รัฐมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรและชาวประมงด้วยการกำหนด
 
มาตรการทั้งหลาย เพื่อความเป็นเสถียรภาพของราคาและแก้ไขปรับปรุงดุลบัญชีเดินสะพัดและความสมดุลของ
 
อุปสงค์ อุปทาน ของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
 
(๕) รัฐมีหน้าที่บำรุงรักษาเกษตรกร ชาวประมง และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
 
บนหลักการพึ่งพาตนเอง และให้หลักประกันของกิจการและการพัฒนาอย่างเสรีภาพ
 
มาตรา ๑๒๔ รัฐมีหน้าที่ให้หลักประกันในเรื่องของการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นให้เกิด
 
การปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และชี้นำพฤติกรรมการบริโภคอย่างสร้างสรรค์ตามที่กฎหมายกำหนด
 
มาตรา ๑๒๕ รัฐพึงสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ และบัญญัติกฎหมายและประสานงานการค้า
 
ต่างประเทศด้วย
 
มาตรา ๑๒๖ จะมีการโอนธุรกิจของเอกชนไปเป็นของรัฐหรือของรัฐวิสาหกิจมิได้ และรัฐจะเข้าควบคุม
 
การบริหารงานธุรกิจเอกชนมิได้ เว้นแต่เฉพาะกรณีที่กำหนดไว้ในกฎหมายเพื่อความจำเป็นในการป้องกันประเทศ
 
และเศรษฐกิจของชาติ
 
มาตรา ๑๒๗ (๑) รัฐมีหน้าที่พัฒนาเศรษฐกิจของชาติด้วยการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสาร
 
และทรัพยากรมนุษย์
 
(๒) รัฐต้องสร้างระบบความเป็นมาตรฐานของชาติ
 
(๓) ประธานาธิบดีมีอำนาจจัดตั้งองค์กรที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการตาม (๑)
 
หมวด ๑๐
 
การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
 
มาตรา ๑๒๘ (๑) ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสนอได้โดยผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา
 
ด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือโดยประธานาธิบดี
 
(๒) การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งหรือเปลี่ยนแปลงวาระ
 
การดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีให้มีผลบังคับใช้ในสมัยประธานาธิบดีคนถัดไป
 
๒๔
 
มาตรา ๑๒๙ ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยประธานาธิบดี ต้องประกาศให้ประชาชนทราบ
 
ไม่น้อยกว่า ๒๐ วัน
 
มาตรา ๑๓๐ (๑) รัฐสภาต้องผ่านความเห็นชอบญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญภายใน ๖๐ วัน นับตั้งแต่
 
วันที่ได้มีการประกาศญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้น และต้องผ่านความเห็นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า
 
๒ ใน ๓ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
 
(๒) ให้มีการทำประชามติ ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่ที่ได้
 
ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และต้องมีจำนวนผู้ใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด และ
 
ต้องมีคะแนนเสียงเห็นด้วยเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ใช้สิทธิทั้งหมด
 
(๓) ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ผ่านการเห็นด้วยของการทำประชามติตาม (๒)
 
ให้บรรจุไว้ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และประธานาธิบดีต้องประกาศให้มีผลบังคับใช้
 
D: สมใจ, นิศาพร – ผู้แปล/งานแปลรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐเกาหลี/กัลยา พิมพ์/25 ส.ค. 58/แก้ไข 9 ต.ค. 58
 
นครหลวงของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวคือ[[w:นครหลวงเวียงจันทน์|นครหลวงเวียงจันทน์]].
 
== หมวดที่ 11 บทบัญญัติสุดท้าย ==
 
=== มาตรา 96.. ===
รัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวคือกฎหมายพื้นฐานของชาติ. ทุกกฎหมายต้องให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ.
 
=== มาตรา 97. ===
มีแต่กองประชุมสภาแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวเท่านั้นจึงมีสิทธิเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ.
 
ในการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต้องมีสมาชิกสภาแห่งชาติอย่างน้อยสองส่วนสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเห็นชอบ.
 
=== มาตรา 98. ===
รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีผลศักดิ์สิทธิ์นับแต่ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาวออกรัฐดำรัสประกาศใช้เป็นต้นไป