ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/ข้อความ"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล โรบอต: เก็บกวาด |
ล ย้อนการแก้ไขของ Nullzerobot (Talk) ไปยังรุ่นของ Zodlicious |
||
บรรทัดที่ 1:
==
ชนิด string คือ ข้อความ(กลุ่มตัวอักษร) โดยก่อน PHP 6 ตัวอักษรก็คือ byte ก็คือสามารถมีตัวอักษรได้ 256 แบบเท่านั้น และนี้ก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม PHP ถึงไม่สนับสนุน Unicode โดยพื้นฐาน
*
===
การกำหนดค่า string นั้นทำได้ 4 แบบ
#
#
#
#
====
วิธีเรียบง่ายที่สุดในการกำหนด string คือ ล้อมรอบไว้ด้วยเครื่องหมายคำพูดเดียว (')<br/>
ถ้าต้องการใช้เครื่องหมาย ' ในข้อความนั้นก็ให้ใช้ \ นำหน้า ส่วนถ้าต้องการใช้เครื่องหมาย \ ก็ให้ใส่เป็น \\ โดยถ้าหากทำแบบนี้กับตัวอักขระอื่นที่ไม่ใช่ 2 ตัวนี้ก็จะมีการแสดง \ ออกมาด้วย
*
<source lang="php">
<?php
เส้น 38 ⟶ 36:
?>
</source>
====
ถ้าหาก string ถูกครอบด้วย (") แล้ว จะสามารถใช้งาน escape sequences ได้มากขึ้น
{|style="border: 1px dashed #8a8a8a; background:white"
|
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|-
|
|}
เช่นเดียวกันกับ (') ถ้ามีการใช้ \ กับตัวอักขระอื่น จะมีการแสดง \ ออกมาด้วย
เส้น 74 ⟶ 72:
?>
</source>
*
====
รูปแบบการใช้งานคือ <<< หลังจาก operator นี้ก็ใส่ identifier จากนั้นขึ้นบรรทัดใหม่ แล้วก็เป็นข้อความ และปิดท้ายด้วย identifier เดียวกัน อ่านแล้วอาจจะงงดูตัวอย่างจะง่ายกว่า
<source lang="php">
เส้น 85 ⟶ 83:
?>
</source>
*
ข้อความแบบ Heredoc ก็เหมือนกับ ข้อความแบบ Double-quoted แบบไม่มีเครื่องหมาย (") นั้นหมายความว่าข้อความใน Heredoc ไม่จำเป็นต้องมีการใช้ escape แต่ว่าก็ สามารถใช้ได้ และ ตัวแปรในข้อความจะถูกแปลง
<source lang="php">
เส้น 98 ⟶ 96:
class foo
{
var $foo;
var $bar;
function foo()
{
$this->foo = 'Foo';
$this->bar = array('Bar1', 'Bar2', 'Bar3');
}
}
เส้น 119 ⟶ 117:
</source>
Outputs:
My name is "MyName". I am printing some Foo.
Now, I am printing some Bar2.
This should print a capital 'A': A
*
*
====
nowdoc ก็เหมือนกับ heredoc แต่เป็นรูปแบบของ Single-quoted (') แทน <br/>รูปแบบการใช้งานจะต่างกันตรงที่ identifier ตัวเปิดจะต้องใส่ ' ครอบไว้ด้วย
<source lang="php">
<?php
$a = <<<'EOD'
This type of declare can be in multiline
but this kind of declare is no need to escepe
EOD;
เส้น 136 ⟶ 134:
class foo
{
public $foo;
public $bar;
function foo()
{
$this->foo = 'Foo';
$this->bar = array('Bar1', 'Bar2', 'Bar3');
}
}
เส้น 157 ⟶ 155:
</source>
Outputs:
My name is "$name". I am printing some $foo->foo.
Now, I am printing some {$foo->bar[1]}.
This should not print a capital 'A': \x41
===
เมื่อใช้ (") หรือ heredoc ในการกำหนดค่า string จะมีการแปลงตัวแปรภายใน<br/><br/>จะมีรูปแบบการใช้งาน 2 รูปแบบคือ [[#แบบง่าย|แบบง่าย]] และ [[#แบบซับซ้อน|แบบซับซ้อน]]
====
ถ้ามีการเจอ $ ในข้อความ PHP parser จะทำการหาชื่อตัวแปรที่เป็นไปได้ แล้วนำค่าของตัวแปรนั้นแทนที่ลงในข้อความ หรือจะครอบตัวแปรด้วย { } เพื่อเจาะจงชื่อตัวแปรก็ได้
<source lang="php">
เส้น 207 ⟶ 205:
?>
</source>
====
ที่เรียกว่าแบบซับซ้อน ไม่ใช่เพราะมันรูปแบบซับซ้อน แต่เพราะสามารถใช้งานได้ซับซ้อนกว่า<br/> <br/>
ในความจริงแล้วค่าทุกค่าใน namespace สามารถใช้งานใน ข้อความ ได้เหมือนอย่างที่ใช้งานนอกข้อความ โดยต้องครอบไว้ด้วย {$ }
<source lang="php">
เส้น 227 ⟶ 223:
// ใช้งานได้
echo "This square is {$square->width}00 centimeters broad.";
// ใช้งานได้
เส้น 235 ⟶ 231:
// จริง ๆ แล้วมันใช้งานได้อยู่ แต่ว่า PHP จะไปมองหา constant ชื่อ foo ก่อน
// แล้วจะเกิด Error - undefined constant
echo "This is wrong: {$arr[foo][3]}";
// ใช้งานได้ เมื่อยู่ในข้อความ
// ทุกครั้งที่อ้างถึง array หลายมิติ ให้ครอบไว้ด้วย {$ } เสมอ
echo "This works: {$arr['foo'][3]}";
เส้น 253 ⟶ 249:
?>
</source>
*
===
มีรูปแบบการใช้งานคล้ายกับ array
<source lang="php">
เส้น 265 ⟶ 261:
$third = $str[2];
// เอาตัวอักขระตัวสุดท้ายของ $str
// เพราะ strlen() ทำการบอกจำนวนตัวอักษรใน string ที่ส่งผ่าน โดยคืนค่าเป็น integer
// ในที่นี้ก็เลยเทียบได้กับ $str[21-1] ก็คืออักขระ .
$str = 'This is still a test.';
$last = $str[strlen($str)-1];
// เปลี่ยนแปลงอักขระตัวสุดท้าย
เส้น 277 ⟶ 273:
?>
</source>
*
===
การจะเชื่อมข้อความใส่กันนั้น อาจจะใช้ . (จุด, ดอท) operator เอา
<source lang="php">
เส้น 286 ⟶ 282:
?>
</source>
===
การแปลงค่าเป็น string นั้นสามารถทำได้โดยใช้ (string) แปลงหรือใช้ strval() การแปลงค่าเป็น string จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อจำเป็นต้องใช้ อย่างที่เป็นใน echo() หรือ print() หรือเมื่อมีการนำค่าชนิดอื่นมาเทียบกับค่า string<br/><br/>
ค่า [[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/บูลีน|boolean]] '''TRUE''' จะแปลงเป็น ข้อความ "1" และ '''FALSE''' จะแปลงเป็น "" (empty string) ทำให้สามารถแปลงไปกลับระหว่าง boolean และ string ได้<br/><br/>
ค่า [[ภาษาพีเอชพี/คู่มืออ้างอิงภาษา/ประเภทของตัวแปร/จำนวนเต็ม|integer]] หรือ [[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/จำนวนทศนิยม|float]] แปลงเป็น string นั้นก็จะเป็นการแปลงเลขเป็นข้อความ เช่น 50.0 แปลงเป็น "50.0"<br/><br/>▼
[[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/Objects|Object]] จะถูกแปลงเป็น ข้อความ "Object" เสมอ<br/><br/>▼
[[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/Resources|Resource]] จะถูกแปลงเป็น ข้อความ ในรูปแบบ "Resource id #1" โดย ''1'' คือ unique number ที่กำหนดให้ resource โดย PHP ตอนที่รัน<br/><br/>▼
▲ค่า [[ภาษาพีเอชพี/คู่มืออ้างอิงภาษา/ประเภทของตัวแปร/จำนวนเต็ม|integer]] หรือ [[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/จำนวนทศนิยม|float]] แปลงเป็น string นั้นก็จะเป็นการแปลงเลขเป็นข้อความ เช่น 50.0 แปลงเป็น "50.0"<br/>
▲[[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/Objects|Object]] จะถูกแปลงเป็น ข้อความ "Object" เสมอ<br/>
▲[[ภาษาพีเอชพี/ประเภทของตัวแปร/Resources|Resource]] จะถูกแปลงเป็น ข้อความ ในรูปแบบ "Resource id #1" โดย ''1'' คือ unique number ที่กำหนดให้ resource โดย PHP ตอนที่รัน<br/>
'''NULL''' จะแปลงเป็น empty string เสมอ
===
โดยปกติเมื่อมีการแปลง string เป็นเลข จะแปลงเป็น integer แต่ถ้าหากมี '.' , 'e' หรือ 'E' อยู่ในข้อความจะแปลงเป็น float<br/><br/>
ค่าที่จะได้นั้นขึ้นอยู่กับส่วนเริ่มต้นของ ข้อความ ถ้า ข้อความ ขึ้นต้นด้วย จำนวนที่ถูกต้อง ค่านั้นก็จะเป็น ค่าที่แปลงได้ นอกเหนือจากนั้นจะแปลงได้เป็น 0 (ศูนย์) รูปแบบค่า จำนวนที่ถูกต้อง ก็คืออาจจะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมายบวกหรือลบ ตามด้วยตัวเลข(อาจจะมีจุดทศนิยม) แล้วตามด้วย เลขยกกำลัง โดยเลขยกกำลังนั้น คือ e หรือ E ตามด้วยตัวเลข
<source lang="php">
เส้น 321 ⟶ 303:
$foo = 4 + "10.2 Little Piggies"; // float (14.2)
$foo = "10.0 pigs " + 1; // float (11)
$foo = "10.0 pigs " + 1.0; // float (11)
?>
</source>
*
|