การเตรียมตัวศึกษาต่อต่างประเทศ/ขั้นตอนการสมัครสอบ

ขั้นตอนการสมัครสอบ

หาข้อมูล

แก้ไข

หาข้อมูลให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้

  • หาข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาที่เราต้องการ
  • หาข้อมูลของเมืองและประเทศ ว่าน่าอยู่เหมาะกับเราหรือเปล่า ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ สภาพความเป็นอยู่ ชอบอยู่ในเมืองหรือชอบชนบท...กรณีต้องการหารายได้เพิ่มช่วยเหลือตัวเองไปด้วยระหว่างศึกษาต่อ แนะนำว่าให้ไปเมืองที่ใหญ่หน่อย และมีร้านอาหารไทยเยอะหน่อย จะช่วยได้เยอะค่ะ

เตรียมการสมัครสอบ

แก้ไข

ในการสมัครเรียน ทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ต้องการดูผลว่าเรามีความสามารถเพียงพอที่จะสามารถไปเรียนได้หรือเปล่า ส่วนใหญ่จะมีสอบ

  1. สอบภาษาอังกฤษ TOEFL สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ และ IELTS สำหรับประเทศอังกฤษและประเทศในเครือจักรภพ
  2. สอบความรู้ด้านอื่น รวมถึงสอบ GMAT สำหรับด้านบริหาร และสอบ GRE สำหรับด้านอื่นๆ บางสาขาไม่จำเป็นต้องสอบ

เตรียมเอกสาร

แก้ไข

ควรเตรียมเอกสารตั้งแต่เริ่มคิดที่จะสมัครเรียนต่อ เนื่องจากบางเอกสารอาจจะต้องใช้เวลานาน(ถึงนานมาก ในบางที) ยังไงก็ควรขอเอกสารไว้กับตัวก่อน ไม่จำเป็นต้องคิดว่า สอบTOEFL ผ่านแล้วค่อยขอ หรือว่าหามหาวิทยาลัยที่ต้องการได้แล้วค่อยขอ โดยเอกสารหลักๆที่ต้องมี

  1. ทรานสคริปต์ (transcript) เป็นใบผลการเรียนจากทางมหาวิทยาลัย ฉบับทางการ ใส่ซองมหาวิทยาลัยและปิดผนึกตรามหาวิทยาลัยที่หน้าซอง ขอได้จากสำนักทะเบียน
  2. จดหมายแนะนำ (letters of recommendations) จดหมายแนะนำจากทางอาจารย์หรือหัวหน้างาน อย่างน้อย 3 ฉบับ (บางที่เอา 2) ก่อนจะไปขออาจารย์ ควรจะรู้ให้แน่ก่อนว่าอยากจะเรียนอะไร เวลาอาจารย์ถามจะได้ตอบถูก
  3. เอกสารรับรองทางการเงิน (financial statement) เอกสารรับรองจากทางธนาคารว่าเรามีเงินเพียงพอที่จะเรียนต่อได้
  4. ___ (statement of purpose) เป็นจดหมาย 1 หน้า (หรือมากกว่า แต่ควรเขียนไม่ยาวมาก) เป็นจดหมายที่เราเขียนให้แก่ทางมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับเหตุผลที่ว่า ทำไมเราถึงเลือกมาเรียนที่นี่ (เช่นเดียวกับที่ว่า เหตุผลทำไมเค้าถึงรับเรา)
  5. ในสาย MBA มักจะมีคำถาม 2-5 ข้อให้เราเขียนตอบ เกี่ยวกับการสมัครเข้าเรียน
  6. บางสาขาวิชาต้องการให้เราเขียน เรซูเม (resume)
  7. อื่นๆ อาจจะเป็นประกาศนียบัตรต่างๆ ที่เราได้มาและเกี่ยวข้องกับที่เราจะสมัคร

เดดไลน์

แก้ไข

เดดไลน์ (deadline) ของการสมัครแต่ละมหาวิทยาลัยจะแตกต่างกัน และแต่ละคณะก็จะแตกต่างกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคือวันไหน และจำไว้ว่า ไม่ควรจะรอถึงวันใกล้เดดไลน์แล้วค่อยส่งเอกสาร เอกสารต่างๆ ควรจะส่งล่วงหน้า

ขั้นตอนการสมัครสอบ

แก้ไข

การสมัครสอบก็สมัครได้ทันที ไม่ต้องรอให้สอบภาษาอังกฤษผ่าน เพราะอาจจะทำให้ช้าเกินไป หลังจากเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครได้ อาจจะเลือก มากกว่า 1 มหาวิทยาลัย และทำการสมัคร

  1. กรอกเอกสารการสมัครของทางมหาวิทยาลัย หลายๆ ที่สามารถกรอกผ่านเว็บไซต์ได้ทันที หรือโหลดไฟล์จากเว็บกรอกและส่งกลับไป
  2. ส่งเอกสารตามไป หลายมหาวิทยาลัยต้องการให้ส่งเอกสารบางส่วนเข้าคณะ และเอกสารบางส่วนไปที่ grad college
  3. พยายามเช็คอีเมลบ่อยๆ หรือเช็คจากเว็บไซต์ว่าเอกสารเราไปถึง ถ้ายังไม่ถึงให้อีเมลไปถามหรือโทรไปถาม
  4. ถ้าทางมหาวิทยาลัยตอบรับ จะส่งอีเมลหรือโทรศัพท์มาบอกก่อน และจะส่งจดหมายตามมา โดยเราควรจะตอบรับหรือตอบปฏิเสธมหาวิทยาลัยนั้นตามมารยาท (และกรณีเดียวกัน ถ้าเราปฏิเสธจะทำให้โอกาสแก่ผู้อื่น)
  5. สำหรับสหรัฐอเมริกา เมื่อทางมหาวิทยาลัยตอบรับ จะส่งเอกสารที่เรียกว่า I-20 (ไอ-ทเวนตี) มาให้สำหรับในการขอวีซา

ขั้นตอนหลังจากได้รับการตอบรับ

แก้ไข

ส่วนใหญ่จะเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

  1. ในสหรัฐอเมริกา เมื่อได้รับจดหมายตอบรับจะได้ I-20 เพื่อนำไปขอวีซ่า ในกรุงเทพ ระยะเวลาในการขอวีซ่าค่อนข้างนาน อาจจะนานถึง 2 เดือนได้ ควรขอแต่เนิ่นๆ ถ้าเป็นในเชียงใหม่ใช้เวลาไม่นานไม่เกิน 1-2 อาทิตย์ แต่ขอได้เฉพาะบุคคลที่มีทะเบียนบ้านในภาคเหนือ
  2. ซื้อตั๋วเครื่องบิน เตรียมตัวว่าจะไปถึงวันไหน อาจจะไปถึงก่อนซัก 1-2 อาทิตย์เพื่อปรับตัวก่อนเริ่มเรียน หรือถ้ากะจะไปเที่ยวก่อนอาจจะไปก่อนหน้านั้นได้
    • ในสหรัฐอเมริกาไม่สามารถเข้าประเทศได้ก่อน 60 วัน (60 วันพอดีไม่ใช่ 2 เดือน) จากวันที่เขียนใน I-20 ถ้าเข้าประเทศก่อนหน้านั้นมีสิทธิโดนส่งกลับสูง
  3. ตรวจสุขภาพ มหาวิทยาลัยหลายที่จะส่งเอกสารให้เราตรวจสุขภาพ ตามใบที่ทางมหาวิทยาลัยส่งมาให้
  4. เตรียมของให้พร้อม ดูที่ สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปเมืองนอก
  5. ตัดแว่น ตรวจฟัน ตัดคอนแทค ให้พร้อม
  6. กิน เที่ยว ให้สนุก ในประเทศไทย ...
  7. ...

เว็บลิงก์อื่น

แก้ไข