การพัดพาตะกอนโดยลมและน้ำ

รูปที่ 1 แสดงลักษณะของ deflation ตะกอนละเอียดจะถูกพัดพาไปเรื่อยๆ โดยทิ้งตะกอยหยาบไว้ เมื่อเวลาผ่านไปตะกอนละเอียดถูกพัดพาไปมากขึ้น และตะกอบหยาบก็จะมากขึ้นจนเกิดการปิดทับตะกอนที่ละเอียด

การพัดพาตะกอนโดยลม (Eolian transportation)

แก้ไข

ตะกอนที่จะถูกพัดพาโดยลมจะเป็นตะกอน ที่มีขนาดเล็กและเบา หรือเป็นผงละเอียดขนาดที่ลมจะสามารถพัดพาไปได้ จะทำให้เห็นเป็นลักษณะของ deflation ดังรูปที่ 1 ถูกพัดพามาจากบริเวณที่มีความแห้งแล้ง ตะกอนเกาะกันไม่หนาแน่น หรือเกิดจากการพัดเถ้าถ่านที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟที่ตกลงสู่พื้นดินหรือล่องลอยไปใน อากาศ อาจจะถูกลมพัดพาลงสู่มหาสมุทรได้ ตะกอนที่จะถูกพัดพาโดยลมจะสามารถถูกพัดพาไปได้ไกลมากๆ จนพัดพาข้ามทวีปได้ ตะกอนที่มากับตัวกลางแบบนี้จะพบมากบริเวณระหว่างละติจูด 30 องศาเหนือและใต้ ซึ่งเป็นเขตแห้งแล้งมีภูเขาและทะเลทราย

การพัดพาตะกอนโดยน้ำ (Alluvium transportation)

แก้ไข

ตะกอนที่เกิดจากการกัดเซาะโดยความแรง และความเร็วของน้ำ และถูกพัดพาโดยมีอัตราการไหลที่มีความแรงพอที่จะพาตะกอนขนาดต่าง ๆ ไปได้ ตะกอนที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากจะเคลื่อนที่ไปได้ไม่ไกลนัก ส่วนตะกอนที่มีขนาดเล็กและสารแขวน ลอยต่าง ๆ จะถูกพัดพาไปพร้อมกับการไหลของน้ำ และจะไปตกสะสมในบริเวณที่ๆ มีความเร็วและความแรงของน้ำน้อยมากๆ โดยตะกอนในลักษณะนี้จะมีความหลากหลายในเรื่องของแหล่งกำเนิดมาก เพราะมีการพัดมามาจากแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกันไป

 
รูปที่ 4 Desertpavement ที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆเมื่อถูกลมพัด

ความแตกต่างของการพัดพาตะกอนโดยลมและน้ำ

แก้ไข
การพัดพาตะกอนโดยลม การพัดพาตะกอนโดยน้ำ
ความหนาแน่นต่ำ และความหนืดต่ำ ความหนาแน่นต่ำ และความหนืดต่ำ
ต้องพักพาตะกอนด้วยความเร็วสูง (high flow velocity) สามารถพักพาตะกอนด้วยความเร็วที่ไม่สูง
เกิดลักษณะของ deflation lag หรือ desert pavement เนื่องจากมีการคัดเลือกตะกอนในการพักพา คือตะกอนละเอียดถูกพัดพาไป ทิ้งตะกอนหยาบไว้ที่เดิม ทั้งตะกอนหยาบและตะกอนละเอียดถูกพัดพาไปได้โดยไม่ทิ้งตะกอบหยาบไว้ที่เดิม
พบลักษณะของ pitted และ frosted ที่เกิดจาก grain to grain collision ไม่พบลักษณะของ pitted และ frosted
ตะกอนที่พบจะมีลักษณะที่ mature กว่า ตะกอนที่พบจะมีลักษณะที่ไม่ค่อย mature
ลักษณะทางโครงสร้างที่เป็น cross bed จะมีมุมเอียงเทที่สูง เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของความลึก ลักษณะทางโครงสร้างที่เป็น cross bed จะมีมุมเอียงเทที่ไม่ เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของความลึก
ripple marks ที่เกิดขึ้นจะมี amplitude ต่ำกว่า ripple marks ที่เกิดขึ้นจะมี amplitude สูงกว่า
ripple marks ที่เกิดขึ้นจะเป็น asymetrical ripple marks เป็นส่วนใหญ่ symetrical ripple marks ที่เกิดขึ้นจะเป็น assymetrical ripple marks เป็นส่วนใหญ่