การบ่งบอกเลขฐานสิบหก
เลขฐาน 16 การจะบ่งบอกว่า เลขใดเป็นตัวเลขฐานอะไร มันมีกฏเกณฑ์ที่เป็นสากลอยู่ คือให้ดูที่ เลขตัวนั้นห้อยท้ายด้วยเลขอะไร เช่น
ฐานตัวเลข | ตัวอย่างที่ 1 | ตัวอย่างที่ 2 ! |
---|---|---|
เลข10 | 810 = 8 | 1810 = 18 |
เลข16 | 816 = 8 | 1816 = 24 |
ความแตกต่าง ? | ตอนนี้ยังเท่ากันอยู่เลย | ไม่เท่ากันซะแล้ว? |
810 = 8 (8 ฐาน 10 ก็ได้ 8) 1810 = 18(18ฐาน 10 ก็ได้ 18) 816 = 8 (8 ฐาน 16 ก็ได้ 8) 1816 = 24(แต่ 18 ฐาน 16 กลับได้ 24) เพราะอะไร ? เรามีวิธีคำนวณง่ายๆมาบอกคุณครับ(ดูตารางข้างบนไปด้วยก็ดีนะครับ)
วิธีคำนวณ (แปลงให้เป็นเลขฐาน 10 ที่คนเราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน)
นับจำนวนหลัก ของตัวเลข สมมุติ มี 3 หลัก เช่น "4FA16"
ก็ให้นำแต่ละหลัก ไปคูณด้วย |“ '16'(เลขฐาน)ที่ยกกำลังด้วย 'n' (ตำแหน่งของหลักเริ่มนับจากศูนย์)”| โดยนับหลัก จากขวาไปซ้ายเหมือนกับนับหลักหน่วยหลักสิบน่ะครับ
เริ่มต้นหลักแรกด้วย 160 หรือจากสูตรง่ายๆ Σn10+16n-1 โดยให้ n = หลักที่ x ของตัวเลข นับจากขวามือ
เลข16\หลักที่ | ←...ไปเรื่อยๆ | 5 | 4 | 3 | 2 | 1 |
---|---|---|---|---|---|---|
16n-1 n-1= |
5+ | 4 | 3 | 2 | 1 | 0 |
16n-1 คือ | v มีค่า = |
←...165... | v 1048576... |
164 | v 65536 |
163 | v 4096 |
162 | v 256 |
161 | v 16 |
160 | v 1 |
นำมาคูณกัน | x | x | x | x | x | x |
4FA 16 | v = X10 |
- | v 0 |
- | v 0 |
- | v 0 |
16n-1x416 | v 163-1=2x256 |
16n-1xF16 | v 162-1=1x15 |
16n-1xA16 | v 161-1=0x1 |
n x 16n-1 คือ | =0 | =0 | =0 | =1024 | =1920 | =10 |
Σของ 4FA16 | v 2954 |
+0 | v =0 |
+0 | v =0 |
+0 | v =0 |
+1024 | v = 1024 |
+1920 | v = 2944 |
+10 | v = 2954 |
............164x0 163x4 162x 161 160
เราก็นำมาเข้าสูตรคำนวณ แปลงมันออกมาเป็นตัวเลข ฐาน10 แล้วจัดการ คูณมันซะ
4FA = (4x162)x(15x161)x(10x160) = 2954
ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์พวกที่ให้เห็นค่าใน memory เรามักจะเห็นเลขฐาน 16 กันบ่อยพอควร แล้วมันก็จะอยู่เป็นคู่ ๆ ด้วย สาเหตุที่เค้านิยมเขียนเลขฐาน 16 อยู่เป็นคู่ ๆ ก็เพราะว่า มันสั้นกว่าการเขียนเป็นเลขฐานสอง แล้วที่มันใช้ได้ก็เพราะว่า
2410 = 1616 → เลขฐาน 16 ยาว 1 หลัก = ข้อมูล 4 bit
16 × 16 = 256 → เลขฐาน 16 ยาว 2 หลัก = ข้อมูล 1 byte
ดังนั้น
เลขฐาน 16 ยาว 2 หลัก = 1 byte
ตัวอย่าง
10102 = A16 = 10
11012 = D16 = 13
1010 11012 = AD16 = 173
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
เนื่องจาก การจะเขียนฐานเลขห้อย ๆ เนี่ย มันเขียนได้แต่ในหนังสือ และแสดงให้คนอื่นเห็นได้ด้วยการเขียน แต่ในคอมพิวเตอร์มันไม่เข้าใจ ว่าเราต้องการจะสื่ออะไร(แถมมันยังพิมไม่ได้ซะอีกต่างหาก ตัวห้อยเนี่ย[1]) เค้าเลยบัญญัติเป็นมาตรฐานสากล ให้เอา H[2] ห้อยท้ายแทนในสำหรับเลขฐาน 16
ส่วนเลขฐานสอง บางที่ก็ตั้งมาตรฐานให้เอา B[3] ห้อยท้ายแทนการห้อยสอง เช่น
อ้างอิง
แก้ไข- ↑ ตัวห้อย คอมพิวเตอร์สมัยก่อนที่มีการริเริ่มการใช้คอบพิวเตอร์เขียนโปรแกรม หน้าจอมีแต่ text สีขาว และ background สีดำ ทำได้แค่ พิมรหัส กับกดปุ่ม F1-F12 เพื่อสั่งงานครับ
- ↑ 'H' หรือ HEX ย่อมาจากมาจาก hexadecimal ซึ่งมีรากศัพท์มาจาก hexa + dec = 6 + 10 = 16
- ↑ 'B' ย่อมาจาก Binary ที่แปลว่า 2 นั่นแหละครับ